ผวาหายนะการค้าโลก สหรัฐฯ จ่อเรียกเก็บภาษีเรือจีนหลายพันล้าน$

ผู้เชี่ยวชาญทางการค้าเตือนมาตรการที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีกับเรือจีนอาจสร้างความวุ่นวายให้กับการค้าโลกมากกว่าภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (24 มี.ค.) ว่า หากจะดูสัญลักษณ์ของความโกลาหลของค้าโลกนับตั้งแต่รัฐบาลทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในทำเนียบขาว ก็ไม่ต้องมองไปไกลกว่ากองท่อเหล็ก 16,000 เมตริกตันที่รอขนส่งลงเรือไปยังสหรัฐ
บริษัทขนถ่ายสินค้าในเยอรมนีควรเตรียมขนชุดแรกบนเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ที่มุ่งหน้าสู่โครงการพลังงานขนาดใหญ่ในรัฐลุยเซียนาสหรัฐอเมริกา แต่สินค้าถูกเก็บไว้ในโกดังของเยอรมนี หลังจากที่วอชิงตันเสนอเรียกเก็บภาษีเรือจีนที่จอดเทียบท่าในสหรัฐฯ เป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์
โฮเซ เซเวริน ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Mercury Group ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์สำหรับข้อตกลงดังกล่าว ระบุว่า การเจรจาเกี่ยวกับเงื่อนไขการขนส่งท่อถูกระงับไว้ก่อนจนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น สำหรับเส้นทางเดินเรือดังกล่าวโดยเฉพาะข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
ปัจจุบัน เรือของบริษัทเดินเรือขนส่งสินค้า 80% ถูกสร้างขึ้นในจีน ซึ่งหมายความว่าการขนส่งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มระหว่าง 1 ล้านถึง 3 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่ามาตรการภาษีนี้ใช้บังคับอย่างไร ซึ่งอาจจะทำให้ต้นทุนการขนส่งท่อเหล็กจากเยอรมนีอาจเพิ่มเป็นสองหรือสามเท่า
ข้อตกลงขนส่งสินค้าดังกล่าวเป็นหนึ่งในข้อตกลงจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากข้อเสนอของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR ) ที่มุ่งจะยับยั้งอิทธิพลของจีนในอุตสาหกรรมต่อเรือ โลจิสติกส์ และการเดินเรือ
ปัจจุบัน จีนผลิตเรือบรรทุกสินค้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของโลกอ้างอิงกับขนาดน้ำหนักการบรรทุก ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเพียง 5% ในปี 1999 (2542) ตามข้อมูลของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ โดยมีญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นมหาอำนาจด้านต่อเรืออีกสองประเทศ
ในปีที่แล้วอู่ต่อเรือของสหรัฐฯ ผลิตเรือได้เพียง 0.01% และสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ มีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือพาณิชย์ของสหรัฐฯ ที่ซบเซามานาน
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ USTR เปิดเผยข้อเสนอเก็บค่าธรรมเนียมเรือจีนดังกล่าว และระบุในแถลงการณ์ว่า ความเป็นเจ้าทางด้านการต่อเรือทำให้จีนมีอำนาจเหนือตลาด ทั้งด้านห่วงโซ่อุปทานของโลก ราคา และการเข้าถึงทั่วโลก ขณะที่บริษัทต่อเรือรัฐวิสากิจของจีน China State Shipbuilding Corp ซึ่งมียอดสั่งซื้อสูงสุดในกลุ่มธุรกิจต่อเรือทั่วโลก ตอบโต้ USTR ว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก (WTO)
ประเด็นดังกล่าวจะเป็นประเด็นสำคัญในการพิจารณาคดี USTR เป็นเวลา 2 วันในกรุงวอชิงตัน ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันจันทร์ (24 มี.ค.)นี้ โดยจะมีตัวแทนจากห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ปลูกถั่วเหลืองไปจนถึงผู้ส่งสินค้าและบริษัทผู้ต่อเรือของจีน เจ้าของธุรกิจและกลุ่มการค้าหลายสิบรายจะอธิบายว่าเหตุใดพวกเขาจึงกลัวว่าข้อเสนอดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการค้าโลกมากกว่า การจัดเก็บภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
“พวกเขามองว่านี่เป็นภัยคุกคามมากกว่าการจัดเก็บภาษี เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน” โจนาธาน โกลด์ รองประธานด้านห่วงโซ่อุปทานและนโยบายศุลกากรของสหพันธ์ผู้ค้าปลีก National Retail Federation กล่าว “ผู้ให้บริการขนส่งกล่าวว่าพวกเขาไม่เพียงแต่จะส่งผ่านต้นทุน แต่ยังจะถอนตัวออกจากท่าเรือบางส่วน ดังนั้นท่าเรือขนาดเล็ก เช่น โอ๊คแลนด์ ชาร์ลสตัน เดลาแวร์ ฟิลาเดลเฟีย จะต้องได้รับผลกระทบทั้งหมด”
ในจดหมายถึง USTR และการสัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เจ้าของธุรกิจและเจ้าหน้าที่ในอุตสาหกรรมกล่าวว่าข้อเสนอเหล่านี้ไม่สมเหตุสมผลหากเป้าหมายคือการฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ และอาจส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ พวกเขาโต้แย้งว่าข้อเสนอดังกล่าวจะทำให้สินค้าของสหรัฐฯ มีราคาแพงเกินไปในตลาดต่างประเทศ เบี่ยงเบนการค้าจากศูนย์กลางภูมิภาคของสหรัฐฯ ไปยังแคนาดาและเม็กซิโก จะกระทบกับท่าเรือหลักของสหรัฐฯมาก และทำให้อัตราค่าระวางเรือทั่วโลกสูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อภายในสหรัฐสูงขึ้น
ตามทฤษฎีแล้วการจัดเก็บภาษีดังกล่าวอาจสร้างรายได้ให้สหรัฐฯ ได้ระหว่าง 4 หมื่นล้านถึง 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลของบริษัทวิจัย Clarksons Research Services Ltd ซึ่งเป็นหน่วยงานในเครือบริษัทนายหน้าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม บริษัทอเมริกันบางแห่งและบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมนี้ยังคงวิตกกังวลกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่เพิ่มสูงขึ้นของสินค้าจีน เหล็ก และอลูมิเนียม และมาตรการตอบโต้รอบใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน
โจ คราเม็ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสภาการเดินเรือโลกกล่าวว่า “สิ่งที่ USTR เสนอมาเป็นการมองอดีต และการเก็บค่าธรรมเนียมจำนวนหลายล้านเหรียญสหรัฐ จะไม่สามารถช่วยอะไรได้”
เขามีกำหนดจะให้การเป็นพยานในวันจันทร์นี้ “มันจะลงโทษผู้บริโภค ธุรกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรในสหรัฐฯ ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและคุกคามการจ้างงาน” คราเม็กเตือน
จอห์น แม็กคาวน์ ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมการขนส่งทางทะเลและผู้เขียนหนังสือประวัติศาสตร์การขนส่งสินค้า ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “ถ้าคุณต้องการทำลายการค้า นี่คือสิ่งที่คุณควรทำ คุณรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน มันเหมือนกับเป็นวันสิ้นโลกสำหรับการค้า”
- ทำให้การเดินเรือสหรัฐกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม
การสอบสวนของ USTR เริ่มต้นเมื่อปีที่แล้วภายใต้การบริหารของนายไบเดน หลังจากได้รับคำร้องขอจากสหภาพแรงงานหลัก 5 แห่ง รายงานที่ได้ ซึ่งส่งมอบเพียงไม่กี่วันก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม รายงานระบุว่าจีนได้กำหนดเป้าหมายเพื่อครอบงำการเดินเรือของโลก รัฐบาลไบเดนปล่อยให้ฝ่ายบริหารชุดใหม่คิดหาวิธีจัดการกับปักกิ่ง บลูมเบิร์กตั้งข้อสังเกตว่า ข้อเสนอของสำนักงานผู้แทนทางการค้าสหรัฐสอดคล้องกับแนวคิดของประธานาธิดบดีทรัมป์ ที่ต้องการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐให้กลับมารุ่งเรืองเหมือนอย่างในอดีต