สถานทูตอิสราเอลแจงปฏิบัติการ Strength and Sword ในฉนวนกาซา

สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยแถลง การสู้รบในฉนวนกาซาเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเพราะการเจรจาปล่อยตัวประกันไม่คืบหน้า
สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยเผยแพร่แถลงการณ์ ความว่า เมื่อการเจรจาเพื่อปล่อยตัวประกันไม่มีความคืบหน้า การสู้รบในฉนวนกาซาจึงเริ่มต้นขึ้นอีก หลังจากข้อตกลงปล่อยตัวประกันระยะแรกสิ้นสุดลงแล้ว ๑๗ วัน อิสราเอลยังคงยืนยันว่าจะปกป้องพลเมืองของตน และจะต้องบรรลุวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่าภูมิภาคนี้จะปลอดภัยและมีเสถียรภาพในระยะยาว
การที่องค์กรก่อการร้ายฮามาสปฏิเสธข้อเสนอสองข้อจากสตีฟ วิทคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดภัยคุกคามจากการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายจากฉนวนกาซาขึ้นอีก ทำให้อิสราเอลไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องใช้ปฏิบัติการที่แข็งกร้าวต่อฮามาส กองทัพอิสราเอลได้เริ่มโจมตีเป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายฮามาสทั่วทั้งฉนวนกาซา ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่อยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ทั้งยังพยายามทุกวิถีทางที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบซึ่งอาจมีต่อพลเรือนผู้ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ รายงานที่เผยแพร่โดยกลุ่มก่อการร้ายฮามาสอันเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตจึงเป็นข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ
อิสราเอลจะไม่ยอมให้ฮามาสปกครองฉนวนกาซาอีกต่อไป และจะไม่ยอมให้มีการคุกคามพลเมืองหรือดินแดนของตนจากทิศทางใดๆ ก็ตาม อิสราเอลจะกระทำทุกวิถีทางที่จำเป็นเพื่อกำจัดภัยคุกคามเหล่านี้ และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุโจมตีอย่างโหดเหี้ยมของผู้ก่อการร้าย ดังที่ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๖ ขึ้นซ้ำอีก
การปฏิบัติการทางทหารในกาซาในครั้งนี้ เป็นไปตามการประสานงานกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการประเมินสถานการณ์ด้านความปลอดภัยร่วมกัน และความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดของประเทศทั้งสอง อิสราเอลหวังว่าพันธมิตรรวมถึงมิตรประเทศทั่วโลกจะยืนเคียงข้างเราเพื่อเป็นการสนับสนุนอย่างหนักแน่น และส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงฮามาสว่า ต้องปล่อยตัวประกันทั้งหมดในทันที
ขณะนี้ยังมีตัวประกัน ๕๙ คน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และเสียชีวิตแล้ว ถูกควบคุมอยู่ในฉนวนกาซา โดยกลุ่มก่อการร้ายฮามาส อิสราเอลยังคงมุ่งมั่นที่จะนำตัวประกันทั้งหมดกลับคืนมา โดยยึดตามพันธะทางศีลธรรมและจริยธรรม ตัวประกันเหล่านี้ถูกคุมขังอย่างไร้มนุษยธรรม ต้องเผชิญกับความอดอยาก การทารุณกรรมทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
ในช่วงเวลาหยุดยิงที่ผ่านมา อิสราเอลได้อำนวยความสะดวกให้มีการส่งมอบรถบรรทุกความช่วยเหลือจำนวน ๒๕,๒๐๐ คันเข้าไปในฉนวนกาซา โดยส่วนใหญ่เป็นอาหาร น้ำมันเชื้อเพลิง และสิ่งของจำเป็น อย่างไรก็ตาม ฮามาสกลับยึดสิ่งของเหล่านี้ไว้และนำไปใช้เสริม สร้างศักยภาพทางทหาร ซึ่งเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อพลเรือนอิสราเอล ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้กลายมาเป็นแหล่งรายได้หลักของฮามาส ทำให้องค์กรก่อการร้ายสามารถจ่ายเงินเดือนเต็มจำนวนให้สมาชิกเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี นอกจากนั้นฮามาสยังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยใช้ช่วงเวลาหยุดยิงที่ผ่านมา สะสมอาวุธ สร้างฐานยิงจรวดขึ้นใหม่ และคัดเลือกสมาชิกใหม่จากทั่วฉนวนกาซา ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ฮามาสยังคงเก็บสิ่งของต่างๆ ที่เป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไว้ในคลังของตนเอง ในขณะเดียวกันก็กีดกันประชาชนชาวปาเลสไตน์ใน
ฉนวนกาซาจากความช่วยเหลือ การตัดสินใจของอิสราเอลที่ยุติการส่งมอบสินค้าและเสบียงเข้าสู่กาซานั้น เป็นไปตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ด้วยเหตุที่ฮามาสหาประโยชน์จากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ได้รับมา เพื่อจุดประสงค์ในการก่อการร้าย
เอกอัครราชทูตอิสราเอล นางออร์นา ซากีฟ กล่าวว่า “เรายังคงยืนหยัดในภารกิจเพื่อบรรลุจุดประสงค์ในการทำสงคราม นั่นคือ การปล่อยตัวประกันทั้งหมด ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือล่วงลับไปแล้ว ทำลายขีดความสามารถของฮามาสทั้งในส่วนของการปกครองและการทหาร รวมทั้งกำจัดภัยคุกคามจากฉนวนกาซาให้หมดไปโดยสิ้นเชิง”