‘อินเดีย’ เตรียมงัดภาษีเหล็ก 12% สู้คลื่นเหล็กจีนทะลักไปทั่วโลก

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “อินเดีย” ตามรอยสหรัฐด้วยการเข้าร่วม “กระแสกีดกันทางการค้าด้านเหล็ก” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยได้เสนอแผนใช้ภาษีศุลกากรในวงกว้าง เพียง 1 สัปดาห์หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ

ในขณะนี้ ตลาดเหล็กทั่วโลกกำลังเผชิญความปั่นป่วน เนื่องจากหลายประเทศต่างออกมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมของตน เพื่อต่อสู้กับเหล็กที่ทะลักเข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะจาก “จีน” ผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีกำลังการผลิตถึงพันล้านตัน โดยกระทรวงพาณิชย์ของอินเดียได้เสนอให้มีการเรียกเก็บภาษีป้องกันชั่วคราวในอัตรา 12% สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กหลากหลายประเภท

แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์อินเดียระบุว่า มาตรการปกป้องด้านภาษี ใช้ในช่วงที่มีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด จนก่อให้เกิดหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ

หุ้นของผู้ผลิตเหล็กในอินเดียปรับตัวสูงขึ้นในวันพุธ โดยหุ้นบริษัท Steel Authority of India ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เพิ่มขึ้นถึง 5% ขณะที่ Tata Steel เพิ่มขึ้น 2.9% และ Jindal Steel & Power ขยับขึ้นมากกว่า 2%

ที่ผ่านมา วิกฤติอสังหาริมทรัพย์ในจีนได้ทำให้การส่งออกเหล็กของจีนพุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะล้นตลาดทั่วโลก ในขณะที่ความต้องการยังเปราะบาง และภาษี 25% ของทรัมป์อาจทำให้เหล็กไหลทะลักไปยังตลาดอื่นๆ

แม้ว่าผู้ผลิตเหล็กในจีนจะลดการผลิตลง แต่จีนยังคงผลิตเหล็กมากกว่าความต้องการภายในประเทศ และส่งออกเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 9 ปีในปี 2024 

“เกิดสถานการณ์ที่สำคัญขึ้น ซึ่งหากการขอใช้มาตรการป้องกันชั่วคราวล่าช้า จะก่อความเสียหายจนยากจะซ่อมแซม” กระทรวงพาณิชย์อินเดียกล่าว โดยการนำเข้าเหล็กสำเร็จรูปจากจีนเพิ่มขึ้น 80% เป็น 1.6 ล้านตันในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2024 ตามข้อมูลของรัฐบาล

ในทศวรรษที่ผ่านมา การผลิตเหล็กของอินเดียเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้ว่าผลผลิตในปีที่แล้วจะยังคงอยู่ที่ประมาณ 15% ของการผลิตเหล็กของจีน ผู้ผลิตเหล็กของอินเดียมีแผนขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในระยะยาว เพื่อตอบสนองการขยายตัวของเมืองและอุตสาหกรรมในประเทศ

หากมีการบังคับใช้ภาษีนี้ จะช่วยบรรเทาความกดดันให้กับผู้ผลิตเหล็กที่ได้ร้องขอให้มีการสอบสวนเหล็กจีนผ่านสมาคมเหล็กอินเดีย โดยผู้ผลิตอินเดียหลายราย ได้ขอให้รัฐบาลบังคับใช้ภาษีปกป้องเป็นระยะเวลา 4 ปี

อ้างอิง: bloomberg