ดัชนีผู้บริโภคสหรัฐดิ่งเหว 27.1% กลัวเศรษฐกิจเลวร้ายจริง

ผู้บริโภคอเมริกันกำลังวิตกเงินเฟ้อพุ่งสูง กลัววิกฤติเศรษฐกิจมาจริง สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมี.ค. ดิ่งเหวหนัก หลังของแพง หุ้นตกหนัก ผลพวงภาษีทรัมป์
ผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เพียงทำให้หลายประเทศทั่วโลกปั่นป่วน และตลาดหุ้นผันผวนหนักในขณะนี้ แต่ยังสะเทือนไปถึงชาวอเมริกันเองที่กังวลเรื่องค่าครองชีพสูงขึ้น
มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค. พบว่า ร่วงลงถึง 10.5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และร่วงหนักถึง 27.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมีความกังวลมากที่สุดในเรื่องข้าวของแพง
กลุ่มตัวอย่างคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยของปีนี้จะเพิ่มขึ้นไปแตะ 3.9% จาก 3.5% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนที่สูงที่สุดในรอบ 32 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1993 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบด้วยว่าชาวอเมริกันคาดว่าอัตราการว่างงานจะพุ่งสูงขึ้นในปีหน้าด้วย
นอกจากการเทขายหุ้นอย่างรุนแรงในตลาดหุ้นสหรัฐ และการปรับลดประมาณการการเติบโตโดยนักเศรษฐศาสตร์ในวอลล์สตรีทแล้ว ดัชนีความเชื่อมั่นล่าสุดเป็นหลักฐานของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทรัมป์ หลังเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่กี่เดือน
"การลดลงนั้นเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอในทุกกลุ่ม โดยแบ่งตามอายุ การศึกษา รายได้ ความมั่งคั่ง ความเกี่ยวข้องทางการเมือง และภูมิภาคต่างๆ ผู้บริโภคจำนวนมากอ้างถึงระดับความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับนโยบายและปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ" โจน ซู ผู้อำนวยการการสำรวจดัชนีดังกล่าวระบุ
แม้แต่กลุ่ม "ฐานเสียงทรัมป์" ก็เริ่มมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้นเล็กน้อย โดยความเชื่อมั่นลดลง 3.2% ในกลุ่มพรรครีพับลิกัน พวกเขาสนับสนุนทรัมป์ในการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วด้วยคำมั่นสัญญาว่าเขาจะกระตุ้นการเติบโตและทำให้เงินเฟ้อลดลง หลังจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบสี่ทศวรรษในปี 2022 ภายใต้ยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงมากสำหรับพรรคเดโมแครต และช่วยปูทางไปสู่การกลับมาของทรัมป์
บิล อดัมส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารคัมเมริกา เตือนว่าความเชื่อมั่นที่ลดลงอาจบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
“คนที่กลัวว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำจะไม่ซื้อรถหรือบ้านใหม่ ไม่ออกไปกินข้าวนอกบ้าน หรือไปเที่ยวพักผ่อน” อดัมส์กล่าว “หากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงย่ำแย่ต่อไป การใช้จ่ายก็มีแนวโน้มที่จะลดลงตามไปด้วย และเศรษฐกิจอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง”
อย่างไรก็ตาม จากท่าทีของทรัมป์ในปัจจุบันยังไม่พบสัญญาณว่าจะถอยจากนโยบายรีดภาษีโลก และกลับเดินหน้าขู่เรียกเก็บภาษีเพิ่มเป็น 2-3 เท่า
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมทั่วโลก 25% เริ่มมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้แคนาดาและสหภาพยุโรป (อียู) ดำเนินมาตรการตอบโต้ ซึ่งประกาศแผนที่จะจัดเก็บภาษีวิสกี้ของอเมริกา 50% จากนั้นในวันพฤหัสบดี ทรัมป์ก็ตอบโต้ด้วยการสัญญาว่าจะจัดเก็บภาษีไวน์ สุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ ของยุโรป 200%
“เราถูกฉ้อโกงมาหลายปีแล้ว และเราจะไม่ถูกฉ้อโกงอีกต่อไป” ทรัมป์กล่าวกับนักข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี







