กูรูมองไทยกลัวภาษีทรัมป์ ไม่กล้าตอบโต้สหรัฐจำกัดวีซ่าปมส่งตัวอุยกูร์

กูรูมองไทยกลัวภาษีทรัมป์ ไม่กล้าตอบโต้สหรัฐจำกัดวีซ่าปมส่งตัวอุยกูร์

ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชี้ สหรัฐไม่เคยคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ไทย เชื่อครั้งนี้ไทยไม่กล้าตอบโต้มาก เพราะตกเป็นเป้าเสี่ยงเจอภาษีทรัมป์อยู่แล้ว

ตามที่นายมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกแถลงการณ์ประกาศนโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่าใหม่  ซึ่งจะมีผลกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันหรือในอดีต (จำกัดวีซ่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์หรือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์หรือศาสนากลุ่มอื่นที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองกลับประเทศจีน 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความเคลื่อนไหวของสหรัฐดูเหมือนจงใจขัดขวางไทยและประเทศอื่นๆ ไม่ให้เนรเทศชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์และศาสนาแบบนี้อีก ซึ่งในอดีตทำเนียบขาวเคยคว่ำบาตรไทยมาแล้ว เช่น ระงับความช่วยเหลือทางทหารหลังรัฐประหาร รวมทั้งเคยเล่นงานบุคคลและบริษัทไทยที่ละเมิดการคว่ำบาตรต่อประเทศที่ 3

นายเมอร์เรย์ ฮีเบิร์ต ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากศูนย์ยุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศศึกษา ในกรุงวอชิงตัน เผยกับรอยเตอร์ว่า เท่าที่ตนจำได้สหรัฐไม่เคยคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ไทย ประเทศไทยอาจอ่อนไหวต่อคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก แต่รอบนี้ไทยอาจทำอะไรได้ไม่มาก เพราะมีเรื่องใหญ่กว่าให้ต้องกังวล นั่นคือคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเก็บภาษีตอบโต้ประเทศที่เกินดุลการค้า

 

“พวกเขาอาจไม่ตอบโต้ในเรื่องนี้ เพราะตกเป็นเป้าอยู่แล้วจากการได้เปรียบดุลการค้ามากเป็นอันดับที่ 11 ไม่แน่ชัดว่า ไทยจะรอดหรือไม่ถ้าทรัมป์เก็บภาษีตอบโต้ต้นเดือนเม.ย.นี้”

เหล่านักวิเคราะห์กล่าวว่า ในอดีตรัฐบาลวอชิงตันเลี่ยงใช้มาตรการคว่ำบาตรรุนแรงกับไทย ด้วยกังวลว่าจะยิ่งผลักไทยเข้าไปใกล้ชิดกับจีนมากขึ้น

ด้านกลุ่มรณรงค์เพื่อชาวอุยกูร์ (Campaign for Uyghurs) ซึ่งมีฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ออกแถลงการณ์ชื่นชมความเคลื่อนไหวของนายรูบิโอและรัฐบาลทรัมป์ว่า เป็นการ “ส่งสารอย่างจริงจังว่า ใครก็ตามที่ส่งเสริมการละเมิดสิทธิมนุษยชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จะต้องเผชิญผลจากการก่ออาชญากรรมของพวกเขา”

สำหรับนายรูบิโอ ผู้มีท่าทีแข็งขันในเรื่องชาวอุยกูร์มาตั้งแต่สมัยเป็น ส.ว. ย้ำเสมอมาว่า การปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ของรัฐบาลปักกิ่งเท่ากับ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ”  สหรัฐใช้คำเรียกขานนี้ในปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงท้ายๆ ของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยที่ 1 

ขณะที่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาล่วงละเมิดและบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์ ตอบโต้ว่า ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาตนได้ตั้ง “ศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพ” เพื่อควบคุมแนวคิดก่อการร้าย แบ่งแยกดินแดน และแนวคิดศาสนาสุดโต่ง