รัฐสภายุโรปประณามไทยส่งชาวอุยกูร์กลับจีน จี้ใช้ FTA กดดัน

รัฐสภายุโรปประณามไทยส่งชาวอุยกูร์กลับจีน จี้ใช้ FTA กดดัน

สมาชิกสภายุโรปลงคะเเนนรับรองญัตติประณามไทยเรื่องการส่งชาวอุยกูร์ไปยังจีน และเรียกร้องให้ไทยยุติการบังคับเนรเทศบุคคลไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงต่อชีวิต

เว็บไซต์ VOA Thai รายงานอ้างแถลงการณ์ของรัฐสภายุโรป ในวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ถึงการแสดงท่าทีอย่างเป็นทางการของสภายุโรป  ผ่านเสียงโหวตสนับสนุน 482 เสียง ต่อ 57 เสียงที่ไม่เห็นด้วย และมีสมาชิก 68 รายที่งดออกเสียง

นอกจากนี้สมาชิกสภายังได้เรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปต่อรองผ่านความตกลงการค้าเสรี เพื่อกดดันให้ไทยปฏิรูปกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ปล่อยตัวนักโทษการเมือง และยับยั้งการเนรเทศชาวอุยกูร์

ข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลไทยส่งชาวอุยกูร์ 40 คนที่คุมขังไว้ตั้งแต่ปี 2014 กลับไปจีนเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ท่ามกลางเสียงประณามจากรัฐบาลสหรัฐ  สหประชาชาติ และองค์กรสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ที่ระบุว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และกฎหมายของไทยเอง

ในเวลาต่อมา องค์กรสิทธิมนุษยชนเผยว่า ชาวอุยกูร์ 8 คนที่ยังคนถูกคุมขังอยู่ในประเทศไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกส่งตัวกลับจีน เหมือนกับ 40 คนก่อนหน้านี้เช่นกัน

นักการเมืองยุโรปต้องการให้รัฐบาลไทยเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยเเห่งสหประชาชาติเข้าเก็บข้อมูลความเป็นอยู่ของผู้ขอลี้ภัยชาวอุยกูร์อย่างเต็มที่ และไทยต้องให้ข้อมูลอย่างโปร่งใส

นอกจากนี้สมาชิกสภายุโรปเรียกร้องให้ ไทยระงับสนธิสัญญาส่งตัวบุคคลข้ามแดนกับประเทศจีน และว่าจีนต้องเคารพกฎสิทธิพื้นฐานของชาวอุยกูร์ที่ถูกเนรเทศออกจากไทย ตลอดจนให้ความกระจ่างชัดต่อที่อยู่ของพวกเขา รวมทั้งให้อิสรภาพคนเหล่านั้น

ในวันพฤหัสบดีสภายุโรปยังได้ส่งสัญญาณให้ไทยเสริมความเเข็งเเกร่งต่อมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชน และนิรโทษกรรมนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวที่ถูกกดขี่และคุมขังภายใต้กฎหมายไทยรวมถึงกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือมาตรา 112

ณ วันที่ 7 มีนาคม ยังมีผู้ต้องขังตามมาตรา 112 จำนวน 29 คน โดยไม่มีประชาชนถูกคุมขังเพิ่มในเดือนที่ผ่านมา และหากนับรวมคดีทางการเมือง ยังมีผู้ต้องขังทั่วประเทศ อย่างน้อย 45 คนอ้างอิงจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

การโหวตครั้งนี้เพื่อผ่านญัตติที่เกี่ยวกับไทยโดยรัฐสภายุโรป ยังรวมถึงความต้องการที่จะเร่งเร้าให้ทางการยุโรปต่อรองเพื่อให้ไทยให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาทั้งหมดขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organisation) ด้วย