พันธบัตรสหรัฐส่งสัญญาณ 'เศรษฐกิจถดถอย' 2 นโยบายทรัมป์ฉุดรั้งการเติบโต

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าตลาด “พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ” กำลังส่งสัญญาณเตือนว่า “เศรษฐกิจสหรัฐ” มีความเสี่ยงที่จะถดถอย โดยมี 2 สาเหตุมาจากนโยบายของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” คือการเก็บภาษีศุลกากรและการลดจำนวนพนักงานของรัฐบาลกลาง โดยนโยบายเหล่านี้อาจส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงไปอีก

ความคาดหวังที่ว่าทรัมป์จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตและผลักดันให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้นนั้น ได้พังทลายลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 2 เดือนหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่ง

2 ปัจจัยดันบอนด์ยีลด์พุ่ง

โมเมนตัมในตลาดพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ปกติแล้วแรงขับเคลื่อนหลักของตลาดคือความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยในช่วงแรกนักลงทุนเริ่มเดิมพันว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะยิ่งทำให้แนวโน้มดังกล่าวเด่นชัดขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงปลายปีที่แล้ว เนื่องจากคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเร็วขึ้นและอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น

2 ปัจจัยสำคัญ คือสงครามการค้าของทรัมป์มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรอบใหม่และทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกเกิดความวุ่นวาย เหตุการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ แม้ว่าทรัมป์จะประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาออกไปแล้วก็ตาม 

นอกจากนี้ ความพยายามของรัฐบาลที่จะตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางและปลดพนักงานรัฐบาลหลายหมื่นคนก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเช่นกัน

รวมทั้ง "เงินเฟ้อ" ยังอาจส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นได้ โดยมีการคาดการณ์ว่ารายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.พ.ที่จะเผยแพร่ในสัปดาห์นี้จะเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ตั้งไว้อย่างชัดเจน

 สัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลงนั้นปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นคือมาตรวัด GDPNow ของเฟดสาขาแอตแลนตา ซึ่งกำลังส่งสัญญาณว่า GDP ของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะหดตัวลงในไตรมาสแรกของปีนี้ แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย

สหรัฐเสี่ยงเกิดภาวะ ‘ถดถอย’

เทรซี่ เฉิน ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนของบริษัท Brandywine Global Investment Management กล่าวว่าความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่ม “สูงขึ้น” อย่างแน่นอน เนื่องมาจากลำดับการดำเนินนโยบายทรัมป์ ที่เริ่มจากการเก็บภาษีศุลกากรก่อน แล้วจึงค่อยลดภาษีในภายหลัง

 ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ใน "ช่วงเปลี่ยนผ่าน" ซึ่งเป็นการพยายามลดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะชะลอตัว

โมเมนตัมในตลาดพันธบัตรสหรัฐและยุโรปเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยปกติแล้วทั้ง 2 ตลาดมักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน แต่ครั้งนี้กลับเกิดความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่ารัฐบาลเยอรมนีจะต้องเพิ่มงบประมาณด้านการทหารและการป้องกันประเทศมากขึ้น เพื่อทดแทนการที่สหรัฐลดการสนับสนุนให้กับยูเครนในสงคราม 

ในขณะเดียวกันพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐกลับมีการเคลื่อนไหวน้อยมาก ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนกำลังกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่อาจจะชะลอตัวลง จนทำให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐไม่ได้ตอบสนองต่อแรงกดดันจากภายนอกเหมือนในอดีต

จับตานโยบายทรัมป์กระทบ 'ตลาดพันธบัตร'

เอ็ดเวิร์ด แฮร์ริสัน นักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์กอีโคโนมิกส์มองว่า รายละเอียดการจ้างงานที่ออกมาในเดือน ก.พ.นั้น แย่กว่าสถานการณ์จริงอย่างมาก รวมถึงปัจจัยต่างๆ ผลักดันให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นต่อไป อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในตลาด อาจกระทบต่อตลาดการเงินสหรัฐ กดดันผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น ส่วนราคาหุ้นกำลังลดลง

หลังจากนี้ ทิศทางของตลาดพันธบัตรจะขึ้นอยู่กับนโยบายของทรัมป์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสก็อตต์ เบสเซนต์ยอมรับว่าเศรษฐกิจอาจได้รับผลกระทบเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาล 

อ้างอิง Bloomberg