เผย 4 แคนดิเดต ชิงเก้าอี้นายกฯ แคนาดา รับมือทรัมป์แทนทรูโด

ชาวแคนาดากำลังลงคะแนนเสียงเลือกคนที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีนิยมซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของแคนาดา แทนที่ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ซึ่งถือเป็นการลงคะแนนเสียงครั้งสำคัญที่จะพลิกโฉมการเมืองของแคนาดา

สมาชิกพรรคราว 140,000 คน ทยอยลงคะแนนเสียงให้กับแคนดิเดตที่ตนชื่นชอบแล้ว ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคในช่วงเย็นวันอาทิตย์ตามเวลาแคนาดา

เมื่อประกาศผลออกมาแล้ว นั่นหมายว่า ผู้นำคนใหม่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของแคนาดาทันที และอาจประกาศการเลือกตั้งในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ต่างต้องเตรียมรับมือกับภัยคุกคามจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐรวมถึงสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น และการเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จะให้แคนาดาเป็น “รัฐที่ 51” ของสหรัฐ

แคนดิเดตท้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแคนาดา 4 คน มีดังนี้

มาร์ก คาร์นีย์ อดีตขุนคลัง ตัวเต็งว่าที่นายกฯ

มาร์ก คาร์นีย์ อดีตผู้ว่าธนาคารกลางแคนาดาและธนาคารกลางอังกฤษ ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่จะได้ขึ้นเป็นนายกฯ คนต่อไป และเขาได้พยายามวางตำแหน่งตนเองให้เป็นผู้นำที่สามารถนำพาประเทศผ่านพ้นผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ให้ได้ พร้อมพรีเซนต์ว่า ตนเป็นผู้จัดการการคลังที่แข็งแกร่งที่สามารถช่วยประเทศรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้หลายครั้ง

ชายวัย 59 ปีคนนี้ เกิดในนอร์ทเวสต์เทอร์ริทอรีส์ของแคนาดา และเติบโตในเอ็ดมันตัน รัฐอัลเบอร์ตา

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา คาร์นีย์ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษด้านเศรษฐกิจให้กับทรูโด และหลายคนมองว่าเขาเหมาะสมเป็นผู้ท้าชิงเก้าอี้นายกฯ มานาน แม้บัณฑิตจากฮาร์วาร์ดผู้นี้ไม่เคยดำรงตำแหน่งราชการใดๆ มาก่อน ขณะที่ทรูโดพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าร่วมทีมมานานแล้วเช่นกัน

คาร์นีย์พยายามรักษาระยะห่างจากนายกฯ ทรูโด โดยบอกว่าตนไม่ใช่สมาชิกพรรคเสรีนิยมเพียงคนเดียวที่เชื่อว่านายกฯ และทีมของเขาละเลยเรื่องเศรษฐกิจบ่อยครั้งเกินไป

คารนีย์ยังได้รับการรับรองจากคณะรัฐมนตรีหลายกลุ่ม รวมถึงสตีเวน กิลโบต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม และเมลานี โจลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

คริสเตีย ฟรีแลนด์ อดีตรองนายกฯ ที่เคยเผชิญหน้าทรัมป์

คริสเตีย ฟรีแลนด์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีวัย 56 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภาจากโทรอนโตที่เป็นหนึ่งในสมาชิกที่มีชื่อเสียงที่สุดในทีมของทรูโด และแม้ว่าจะได้รับการยกย่องว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสที่น่าเชื่อถือในวงในของนายกฯ แต่ความขัดแย้งกับสำนักนายกรัฐมนตรีทำให้เธอต้องลาออกอย่างกะทันหันในเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับการรับมือมาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์ รวมถึงนโยบายการเงินอื่น ๆ ขณะที่แคนาดาเผชิญกับการขาดดุล 6 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา

ฟรีแลนด์เกิดและเติบโตในอัลเบอร์ตา มีแม่เป็นชาวยูเครน และเธอเคยเป็นนักข่าวก่อนที่จะเข้าสู่การเมือง

ฟรีแลนด์ได้ที่นั่งในสภาสามัญเมื่อปี 2556 และหลังจากนั้น 2 ปีก็ได้เข้าร่วมคณะรัฐมนตรีของทรูโด ซึ่งในตอนที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เธอช่วยให้แคนาดาได้เจรจาข้อตกลงการค้าเสรีใหม่กับสหรัฐและเม็กซิโก จากนั้นเธอได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และดูแลการใช้จ่ายของรัฐบาลในช่วงการแพร่ระบาดโควิด

ในการเปิดตัวหาเสียง ฟรีแลนด์ได้กล่าวถึงตอนที่ช่วยให้แคนาดาได้เจรจาข้อตกลงการค้าใหม่กับสหรัฐในสมัยที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งวาระแรก และยืนยันว่าเธอจะเผชิญหน้ากับทรัมป์อีกครั้ง

ทั้งนี้ ฟรีแลนด์ได้รับการสนับสนุนจากมาร์ก ฮอลแลนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอาริฟ วีรานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงสมาชิกรัฐสภาคนอื่นๆ

 

คารินา กูลด์ หญิงอายุน้อยที่ได้นั่งเก้าอี้ใหญ่

คารินา กูลด์ อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าการลงทุน มีกลยุทธ์หาเสียงที่แตกต่างไปจากคนอื่น โดยบอกว่าหากเธอได้รับเลือก เธอจะเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่

กูลด์ได้รับเลือกตั้งในปี 2558 และได้ดำรงตำแหน่งมากมายในคณะรัฐมนตรีของทรูโด และถือเป็นผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดในแคนาดาที่ได้นั่งเก้าอี้ระดับรัฐมนตรี

หญิงวัย 37 ปีคนนี้ เคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีกระทรวงครอบครัว, รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาระหว่างประเทศ และรัฐมนตรีสถาบันประชาธิปไตย ก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎร ณ ปัจุบัน ที่มีหน้าที่กำกับดูแลวาระการประชุมของรัฐบาล

ในการกล่าวโน้มน้าวใจผู้ลงคะแนนเสียง กูลด์ได้กล่าวถึงสหรัฐ โดยบอกว่าความไว้ใจระหว่างสองประเทศพังทลาย และว่าจะจัดการปัญหาเกี่ยวกับการค้ายาเฟนทานิล โดยบอกว่าจะตั้งทีมตรวจสอบรถขนส่งสินค้าตามแนวชายแดน

 

นักธุรกิจ แฟรงก์ เบย์ลิส

แฟรงก์ เบย์ลิส อดีตสมาชิกรัฐสภาพรรคเสรีนิยม เป็นคนแรกที่ออกมาประกาศชิงเก้าอี้นายกฯ แคนาดา โดยบอกว่า ตนจะใช้ประสบการณ์จากโลกธุรกิจมาแก้ปัญกาด้านราคาและค่าครองชีพที่ชาวแคนาดาดกำลังเผชิญ

เบย์ลิสเคยเป็นประธานบริหารของบริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ก่อตั้งโดยแม่ของเขา และต่อมาเขาก็ได้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทนั้น แต่บริษัทถูกขายให้กับบริษัทในสหรัฐเมื่อปี 2564

นอกจากนี้เบย์ลิสเคยดำรงตำแหน่งในรัฐสภาระหว่างปี 2558-2562 และเป็นสมาชิกผู้ตั้ง Parliamentary Black Caucus

ที่ผ่านมา เบย์ลิสวิพากษ์วิจารณ์แนวทางนโยบายของทรูโดในการรับมือกับภาษีทรัมป์อย่างหนัก และกล่าวว่าตนจะจัดการกับภาษีทรัมป์ได้ดีกว่าโดยยกประสบการณ์การทำธุรกิจของตนเองมาเป็นจุดแข็ง

 

อ้างอิง: BBC