ขบวนการยอดมนุษย์ ซีรีส์ญี่ปุ่นกินใจเกาหลีใต้ l World Pulse

ผู้อ่านวัย 50 อัพ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความบันเทิงญี่ปุ่นมีส่วนหล่อหลอมชีวิต โดยเฉพาะทีวีซีรีส์จำพวกขบวนการยอดมนุษย์ทั้งหลาย
เพราะในอดีตญี่ปุ่นคือมหาอำนาจด้านซอฟต์พาวเวอร์เอเชีย แม้ปัจจุบันตำแหน่งนี้จะตกเป็นของเกาหลีใต้
แต่รู้หรือไม่ว่า ชาวเกาหลีใต้ก็มีความทรงจำดีๆ กับขบวนการยอดมนุษย์ของญี่ปุ่นเหมือนกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรญี่ปุ่นเรื่อง “ขบวนการซูเปอร์อิเล็กตรอน ไบโอแมน” (Choudenshi Bioman) แม้ออกฉายทางทีวีครั้งสุดท้ายเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว แต่เรื่องราวอันทรงคุณค่าเรื่องความดีเอาชนะปีศาจยังฝังลึกอยู่ในจิตใจชาวเกาหลีใต้รุ่นมิลเลนเนียล
เมื่อหลายวันก่อนมีการจัดคอนเสิร์ตซูเปอร์ฮีโร นำฮีโรสวมหน้ากากเหล่านี้มาขึ้นเวที ทุกวันนี้เหล่านักแสดงอายุอานามปาเข้าไปถึงวัย 60 แล้ว บรรดาแฟนคลับจึงงมองว่า หากมีโอกาสพบกับพวกเขาในงานคอนเสิร์ตย่อมเป็นเรื่องดีที่พลาดไม่ได้ งานคอนเสิร์ตในกรุงโซลเมื่อเดือนที่ผ่านมาบัตรขายหมดเกลี้ยงแม้ราคาตั๋วจะเริ่มต้นที่ 300,000 วอน (เกือบ 7,000 บาท) ก็ตาม
“พวกเราส่วนใหญ่ที่นี่เป็นพนักงานออฟฟิศ แม้ราคาตั๋วจะไม่ใช่น้อยๆ ก็ไม่เกินความสามารถของพวกเราในฐานะแฟนคลับตัวยง มันไม่ใช่มาก็ได้ไม่มาก็ได้สำหรับแฟนพันธ์แท้อย่างฉัน ฉันต้องมา” โอ มยุงฮุน วัย 39 ปีเผยเหตุผลที่ต้องมาร่วมงานคอนเสิร์ตซูเปอร์ฮีโร
ขบวนการซูเปอร์อิเล็กตรอน ไบโอแมน เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ “ขบวนการยอดมนุษย์” (Super Sentai) ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในหมู่ผู้ชมชาวตะวันตกในฐานะแรงบันดาลใจให้เกิดปรากฏการณ์ “พาวเวอร์เรนเจอร์” ในช่วงทศวรรษ 1990 ซีรีส์แนวนี้บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีพลังพิเศษต่อสู้กับเหล่าร้ายผู้มุ่งหวังครอบงำโลก
ซีรีส์ชุด Choudenshi Bioman ออกอากาศในช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังแปลงโฉมตนเองเป็นมหาอำนาจด้านวัฒนธรรมโลก สตูดิโอภาพยนตร์และแอนิเมชันผลิตคอนเทนท์ที่ดูกันทั่วโลก แต่ช่วงแรกๆ แฟนคลับชาวเกาหลีหลายคนชมเรื่อง“Choudenshi Bioman” โดยไม่รู้เลยว่านี่เป็นรายการทีวีญี่ปุ่น เนื่องจากเกาหลีใต้ควบคุมวัฒนธรรมนำเข้าจากญี่ปุ่นแบบหว่านแหอยู่หลายสิบปี ชนวนเหตุมาจากความตึงเครียดครั้งอดีตช่วงที่ญี่ปุ่นยึดคาบสมุทรเกาหลีเป็นอาณานิคมช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จนกระทั่งปี 1998 หลังเกาหลีได้เอกราชมานานกว่า 50 ปี รัฐบาลโซลจึงเริ่มยกเลิกแบนคอนเทนท์ญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรญี่ปุ่น ที่รู้จักกันดีในเกาหลีใต้ผ่านไบโอแมนและแฟลชแมน เป็นหนึ่งในไม่กี่รายการที่ได้รับการยกเว้นให้นำเข้ามาได้ผ่านวีดิโอเทป กลายเป็นปรากฏการณ์น่าชื่นชมที่หาได้ยากในทศวรรษ 1980 และ 1990
แต่แม้ได้รับยกเว้นทางการเกาหลีใต้ยังกำหนดให้ข้อความภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดในซีรีส์ต้องถูกแทนที่ด้วยภาษาเกาหลี และต้องพากย์เสียง ซึ่งเป็นการลบร่องรอยต้นกำเนิดญี่ปุ่นอย่างได้ผล
คิม ดูฮุน คอลัมนิสต์เผยกับเอเอฟพีว่า วิธีนี้ทำให้ซีรีส์ยอดมนุษย์เติบโตได้ในยุคที่ความรู้สึกต่อต้านญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่ง
“สื่อที่ครองใจเด็กๆ ในยุคผมล้วนเป็นของญี่ปุ่น อย่างแอนิเมชัน‘Galaxy Express 999’ แต่พวกมันดูเหมือนเป็นคอนเทนท์เกาหลีเพราะการพากย์เสียง ทศวรรษ 1970 และ 80 เป็นยุคที่ความรู้สึกต่อต้านญี่ปุ่นพีคสุด ด้วยความเชื่อที่่ว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่นล้วนเลวร้ายแต่เนื่องจากการส่งออกวัฒนธรรมอันแข็งแกร่งของเกาหลีและเศรษฐกิจคึกคัก ยุคสมัยจึงเปลี่ยนไป” คอลัมนิสต์วัย 49 ปีเล่า
แต่แม้เซ็นเซอร์อย่างไรก็มีโอกาสหลุด บางฉากที่หลุดออกมาเผยให้เห็นตัวอักษรญี่ปุ่นในฉากหลังสร้างความพิศวงงงงวยให้กับเด็กๆ เกาหลี
แช จองอิน นักพัฒนาเกมวัย 39 ปียอมรับว่า เธอเคยสับสนกับ “ตัวอักษรที่ไม่รู้จัก”
“ฉันถามตัวเอง ‘นั่นมันอะไรเนี่ย’ ต่อมาจึงได้รู้ว่าทุกเรื่องผลิตในญี่ปุ่น”
ชัยชนะเหนือเหล่าร้าย
สำหรับนักแสดงในซีรีส์ขบวนการยอดมนุษย์ การต้อนรับอย่างน่าประทับใจในกรุงโซลทั้งน่าตื่นเต้นและชวนฉงน โดยเฉพาะในประเทศที่คอนเทนท์ญี่ปุ่นเคยถูกเซ็นเซอร์หนักมาก่อน
“ผมไม่คาดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหลังจากถ่ายทำไปแล้ว 40 ปี ผมจึงเซอร์ไพรส์เอามากๆ” คาซูโนริ อินาบะ ผู้แสดงเป็นหน้ากากแดงใน“Maskman” เผยความรู้สึก
อดีตนักแสดงวัย 68 ปี รายนี้ที่ปัจจุบันเปิดร้านราเมงในโตเกียว กล่าวต่อไปว่าไม่ทราบจะอธิบายอย่างไรถึงความชื่นชมต่อดรามาแฟนตาซีเก่าแก่หลายสิบปีที่ยังมีอยู่ในเกาหลีใต้
“ถ้างานนี้ที่เราทำสามารถเป็นสะพานเชื่อมโยงญี่ปุ่นกับเกาหลี เราก็ทำงานได้ดีมาก ผมคิดว่ายอดมนุษย์สำคัญจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นเด็ก เมื่อคุณโตขึ้น คุณก็ลืมพวกเขาไป แต่การได้กลับมาดูพวกเขาใหม่ช่วยให้ความทรงจำกลับคืนมา” อดีตนักแสดงย้ำ
สำหรับนักพัฒนาเกมอย่างแชกล่าวว่า เธอจ่ายเงิน 1,500 ดอลลาร์เดินทางจากฟิลิปปินส์ที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในขณะนี้มายังโซล
"ฉันคิดว่าถ้าพลาดโอกาสนี้ ฉันจะไม่ได้เห็นพวกเขาต่อหน้าอีกเลยตลอดชีวิต เพราะพวกเขาอายุมากแล้ว พวกเขาสอนฉันเสมอมาว่าความดีจะชนะเหล่าร้ายเสมอ และฉันต้องไม่เลือกเดินทางที่ผิด พวกเขาปลูกฝังคุณค่าเหล่านี้ไว้ในตัวฉัน”
คำพูดของแชตอกย้ำอิทธิพลของภาพยนตร์ ซีรีส์ และความบันเทิงที่ได้รับชมในวัยเยาว์แล้วส่งผลไปตลอดชีวิต นี่คือความสำคัญของซอฟต์พาวเวอร์ญี่ปุ่นที่ยังฝังรากลึกต่อชาวเอเชีย







