'กาแฟแพงทั่วโลก' ฉุดยอดขายวูบ รายย่อยรอปลายปีนี้ราคาลง 30%

'กาแฟแพงทั่วโลก' ฉุดยอดขายวูบ รายย่อยรอปลายปีนี้ราคาลง 30%

การซื้อขายกาแฟทั่วโลกชะงักงัน ร้านค้ากัดฟันซื้อแค่ขั้นต่ำหลังราคาที่พุ่งสูงถึง 70% ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตั้งความหวังช่วงปลายปีเห็นราคาลง 30% เพราะซัพพลายเพิ่ม

"กาแฟ" เป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาขึ้นอย่างร้อนแรงที่สุด นับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2567 จนถึงปัจจุบัน ราคากาแฟพุ่งขึ้นไปแล้วถึง 70% ในสัญญาซื้อขายเมล็ดกาแฟอราบิกาตลาดล่วงหน้า จนทำให้กาแฟสำเร็จรูปหลายรายประกาศขึ้นราคาสินค้า และร้านกาแฟจำนวนหนึ่งต้องผลักภาระให้ผู้บริโภค

แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ราคาที่ยังไม่ดีขึ้นจะส่งผลให้ธุรกิจในวงการกาแฟต้องดิ้นรนหนักขึ้นไปอีก

รอยเตอร์สรายงานว่า ผู้ค้าและโรงคั่วกาแฟทั่วโลกกำลังลดการซื้อเมล็ดกาแฟลงเหลือแค่ระดับต่ำสุด หลังจากได้รับผลกระทบจากราคากาแฟที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งบรรดาซัพพลายเออร์ยังไม่สามารถโน้มน้าวร้านค้าปลีกให้ยอมรับได้

ในการประชุมประจำปีของสมาคมกาแฟแห่งชาติสหรัฐ ที่เมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส เมื่อสัปดาห์นี้ ผู้เข้าร่วมงานหลายรายกล่าวว่าพวกเขาตกใจกับราคากาแฟอาราบิก้าในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่ ICE ซึ่งเป็นตลาดอ้างอิงสำหรับการซื้อขายกาแฟทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นถึง 70% ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน

เรแนน ชูเอรี ผู้อำนวยการทั่วไปของ ELCAFE C.A. ในประเทศเอกวาดอร์ กล่าวว่า ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ ELCAFE ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูปรายใหญ่ไม่สามารถขายสินค้าล็อตการผลิตประจำปีได้หมดล็อตภายในเดือนมี.ค. 

“ปกติแล้วตอนนี้เราน่าจะขายได้หมดแล้ว แต่จนถึงตอนนี้เราขายสินค้าได้ไม่ถึง 30%” เขากล่าว “การปรับขึ้นราคาครั้งใหญ่ทำให้เงินของลูกค้าไหลออกจากกระเป๋า พวกเขาไม่มีเงินพอที่จะซื้อสิ่งที่ต้องการได้”

ราคากาแฟทั่วโลกที่แพงขึ้นมากมีสาเหตุมาจากผลผลิตที่ลดลงในพื้นที่ปลูกกาแฟที่สำคัญ โดยเฉพาะใน "บราซิล" ทำให้มีซัพพลายเมล็ดกาแฟน้อยลง

ผู้ซื้อหลายรายกำลังประสบปัญหาสภาพคล่องและไม่สามารถจ่ายเงินซื้อในราคาปัจจุบันได้ ส่วนผู้ค้าปลีกยังต่อต้านการขึ้นราคา ทำให้ธุรกิจโรงคั่วไม่สามารถส่งต่อต้นทุนที่สูงขึ้นได้ ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านขายของชำบางแห่งกำลังชะลอการเจรจา และยอมปล่อยให้ขาดของบนชั้นวางสินค้า

ผู้บริหารโรงคั่วกาแฟรายหนึ่งในสหรัฐกล่าวว่า มีลูกค้าบางรายเกรงว่าจะไม่สามารถขายกาแฟในราคาใหม่ได้ ซึ่งทำให้พวกเขาต้องพิจารณารูปแบบธุรกิจใหม่

สอดคล้องกับที่โบรกเกอร์กาแฟรายหนึ่งเปิดเผยว่า ตอนนี้ไม่มีใครซื้อล่วงหน้ากันแล้ว ส่วนใหญ่ทุกคนซื้อแค่พอให้มีใช้และไม่มีการตุนสต็อก ขณะที่ดีลการซื้อขายเมล็ดกาแฟในบราซิลช่วงนี้ก็ยังเป็นไปอย่าง "ระมัดระวัง" มาก  

“คุณปิดดีลกัน จากนั้นคุณมีเวลา 7 วันไปที่ฟาร์มหรือโกดังและรับกาแฟของคุณ คุณตรวจสอบคุณภาพ และถ้าโอเคคุณก็ชำระเงินที่หน้างานและขับรถออกไปพร้อมกับกาแฟ” โบรกเกอร์รายนี้กล่าว 


โพลล์ชี้ปลายปีอาจเห็นราคาลง 30%

จากโพลล์สำรวจล่าสุดของรอยเตอร์สคาดการณ์ว่า ราคากาแฟอราบิกาอาจลดลง 30% ภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากราคาที่สูงทำให้ความต้องการลดลง และสัญญาณเบื้องต้นบ่งชี้ว่าผลผลิตของบราซิลกำลังจะออกมาเพิ่มขึ้นในปีหน้า

นอกจากนี้ หลายประเทศกำลังขยายการเพาะปลูกกาแฟ เช่น อินเดีย ยูกันดา เอธิโอเปีย และโดยเฉพาะบราซิล หากผู้ผลิตเบอร์ 1 รายนี้สามารถเพิ่มผลผลิตได้จำนวนมาก เมื่อรวมกับพื้นที่ปลูกใหม่ในหลายประเทศแล้ว ราคาอาจลดลง

หลุยส์ เดรย์ฟัส ผู้ค้าสินค้าโภคภัณฑ์เน้นย้ำว่า การเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ในบราซิลร่วมกับความพยายามปลูกใหม่ในหลายประเทศ อาจส่งผลให้ราคาปรับตัวลงมาได้ แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและการลงทุนอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคที่ปลูกกาแฟ