‘ทองคำ’ ทะลักคลังสหรัฐ หวั่นภาษีทรัมป์ ตุนทองคำสูงสุดในรอบ 33 ปี

บลูมเบิร์กรายงานว่า “ทองคำ” ที่ถูกเก็บไว้ในโกดังของ “สหรัฐ” มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา  หลังจากที่มีทองคำแท่งมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ไหลเข้าประเทศ เนื่องจากผลกระทบจากกระแสภาษีศุลกากร

ปริมาณทองคำคงคลังในตลาด COMEX ในนิวยอร์กได้เพิ่มขึ้นถึง 39.7 ล้านออนซ์ ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 33 ปี นับตั้งแต่ปี 2535 โดยมีมูลค่ากว่า 115,000 ล้านดอลลาร์ 

ราคาทองคำ ในตลาดฟิวเจอร์สกับราคาทองคำสปอตซึ่งเป็นตลาดหลักของโลก จะไม่ต่างกันมากนัก เพราะส่วนต่างของราคานั้นสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เก็บรักษา และเงินทุนที่ใช้ในการซื้อขายทองคำ 

หวั่นทองคำรวมอยู่ในภาษี ‘ทรัมป์’

เมื่อนักลงทุนมีความกังวลว่าทองคำอาจถูกรวมอยู่ในมาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ทำให้ผู้ค้าบางรายต้องรีบปิดสถานะการขายทองคำล่วงหน้าในตลาด Comex ส่งผลให้ราคาฟิวเจอร์สในนิวยอร์กพุ่งสูงขึ้นกว่าราคาทองคำแท่งในตลาดลอนดอนอย่างมาก ทำให้นักลงทุนจึงแห่กันเข้ามาทำกำไรจากส่วนต่างนี้ ส่งผลให้ทองคำจำนวนมากไหลเข้าสู่สหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ปริมาณทองคำที่เก็บไว้ในคลัง Comex ในปัจจุบันนั้น สูงกว่าสถิติเดิมที่เคยบันทึกไว้ในเดือนกุมภาพันธ์  2564 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ปริมาณทองคำสำรองพุ่งสูงสุดเนื่องจากผลกระทบของตลาดในช่วงการระบาดของโควิด-19 สะท้อนนักลงทุนยังคงให้ความสนใจในการถือครองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

ปริมาณทองคำที่เก็บอยู่ในคลัง Comex  ในปัจจุบันนั้นสูงกว่าปกติมาก โดยมีปริมาณถึง 80% ของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำที่ยังไม่ได้รับการชำระ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสัดส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 20% เท่านั้น

สาเหตุหลักมาจากธนาคารส่วนใหญ่มักจะเก็บทองคำไว้ที่ลอนดอนและใช้การขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในนิวยอร์กเพื่อป้องกันความเสี่ยง ทำให้ปริมาณทองคำในคลังสินค้า Comex ในช่วงเวลาปกติมีปริมาณน้อยกว่าปัจจุบัน การที่ปริมาณทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมากนี้อาจบ่งชี้ถึงความเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์การลงทุนหรือความกังวลในตลาดที่ส่งผลให้มีการสะสมทองคำมากขึ้นในคลังสินค้า Comex

อย่างไรก็ดี สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงแล้ว ความตึงเครียดในตลาดทองคำแท่งลดลง และส่วนต่างของราคาทองคำในตลาดต่างๆ ก็ลดลงตามไปด้วย ปริมาณทองคำที่ไหลเข้าคลังสินค้าของ Comex ในแต่ละวันลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยสูงกว่า 1 ล้านออนซ์ในช่วงปลายเดือนม.ค. ลดลงเหลือประมาณ 200,000 ออนซ์ หรือน้อยกว่านั้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าความต้องการทองคำในตลาดเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ