'สหรัฐ' ระงับให้ข่าวกรองยูเครน กดดันเซเลนสกีเห็นผล แต่เสี่ยงแลกด้วยชีวิตผู้คน

'สหรัฐ' ระงับให้ข่าวกรองยูเครน หลังประกาศยุติให้ความช่วยเหลือการทหารยูเครนชั่วคราว ซึ่งเป็นการเล่นไม้แข็ง กดดัน ปธน.เซเลนสกี ของยูเครน และดูเหมือนว่าจะเห็นผล แต่ก็มีความเสี่ยงแลกด้วยชีวิตผู้คน
จอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) เผยเมื่อวันพุธ (5 มี.ค.68) ว่า สหรัฐได้ดำเนินการระงับการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับยูเครน ซึ่งถือเป็นการสร้างความกดดันต่อประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ให้ร่วมมือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย
การระงับแบ่งปันข้อมูล ที่อาจแลกมาด้วยชีวิตเพราะบั่นทอนความสามารถของยูเครนในการปกป้องตนเองจากการโจมตีของรัสเซียนั้น เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐประกาศระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเมื่อวันจันทร์ (3 มี.ค.68) ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของทรัมป์ในการเล่นไม้แข็งกับพันธมิตร ขณะที่ ประธานาธิบดีสหรัฐเปลี่ยนมาประนีประนอมกับรัสเซียมากขึ้น จากที่แต่ก่อนสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขัน
ด้านแหล่งข่าวรายหนึ่งเผยว่า รัฐบาลทรัมป์ได้ระงับความช่วยเหลือทางทหารกับยูเครนทุกอย่าง รวมถึงข้อมูลเป้าหมายที่ยูเครนใช้โจมตีเป้าหมายในรัสเซีย ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายบอกว่า การแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองถูกระงับบางส่วนเท่านั้น แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติมได้
ทั้งนี้ การประกาศระงับความช่วยเหลือยูเครนเมื่อวันจันทร์ เกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีทรัมป์ และเซเลนสกี ปะทะคารมกันต่อหน้าสื่อทั่วโลกในห้องทำงานรูปไข่เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ก.พ.68 จนทำให้การลงนามข้อตกลงแร่หายากล่าช้าไปอีก
ด้านสมาชิกพรรคเดโมแครตได้ออกมาวิจารณ์การระงับการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองของรัฐบาลทรัมป์ โดยมาร์ก วอร์เนอร์ รองประธานคณะกรรมการข่าวกรองวุฒิสภา บอกว่า “การตัดสินใจที่ไม่ฉลาดนี้” แสดงให้เห็นว่าทรัมป์ได้มอบอำนาจของอเมริกาให้กับรัสเซีย
“ผมขอยืนยันว่า การระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองกับพันธมิตรยูเครนจะต้องแลกมาด้วยชีวิต” วอร์เนอร์ กล่าว
ที่ผ่านมาสหรัฐได้ให้ข้อมูลสำคัญกับยูเครนเพื่อใช้ประกอบการสู้รบกับกองกำลังรัสเซีย ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่ช่วยขัดขวางความพยายามของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียที่ต้องการยึดครองเคียฟในช่วงต้นของการรุกรานเต็มรูปแบบเมื่อเดือนก.พ.2565
อย่างไรก็ตาม การกดดันของสหรัฐเหมือนจะได้ผล เมื่อ ประธานาธิบดีทรัมป์ เผยเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.68) ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกในสภาคองเกรสว่า เขาได้รับจดหมายจาก ประธานาธิบดี เซเลนสกี โดยระบุว่าผู้นำยูเครนมีความมุ่งมั่นที่จะกลับสู่โต๊ะเจรจา และลงนามข้อตกลงแร่หายาก
หลังจากเซเลนสกี ส่งจดหมายถึง ประธานาธิบดีทรัมป์ แรตคลิฟฟ์กล่าวกับฟ็อกซ์บิซซิเนสว่า การหยุดชะงักด้านการทหาร และด้านข่าวกรองจะหมดไป และสหรัฐจะร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับยูเครนในการต่อต้านการรุกราน เพื่อให้โลกดีขึ้นจากการเดินหน้าเจรจาสันติภาพ
อ้างอิง: Reuters
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







