ทรัมป์ ‘ขีดเส้น’ ห้ามญี่ปุ่น - จีนลดค่าเงิน เพราะไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐ

ทรัมป์ ‘ขีดเส้น’ ห้ามญี่ปุ่น - จีนลดค่าเงิน เพราะไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐ

ปธน.ทรัมป์สั่งผู้นำญี่ปุ่น และจีน ‘ไม่สามารถลดมูลค่าสกุลเงินของตนได้อีกต่อไป’ เพราะไม่เป็นธรรมกับสหรัฐ พร้อมยกระดับความตึงเครียดทางการค้าด้วยการประกาศภาษีใหม่ทั้งจากเม็กซิโก แคนาดา และจีน

ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งสหรัฐ เผยกับบรรดาผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาวว่า ได้แจ้งผู้นำของญี่ปุ่นและจีนว่า พวกเขา “ไม่สามารถลดค่าเงิน” ของตัวเองต่อไปได้อีก เพราะการทำเช่นนั้นจะไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐ

คำพูดดังกล่าวของทรัมป์นี้ยิ่งเพิ่มความวิตกให้กับตลาด โดยเฉพาะเมื่อภาษีใหม่ 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก และแคนาดา เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร พร้อมกับการเพิ่มอัตราภาษีสินค้าจีนเป็น 20% ซึ่งเป็นการยกระดับความตึงเครียดทางการค้าโลกรอบใหม่

“ผมได้โทรศัพท์หาประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และผู้นำของญี่ปุ่นเพื่อบอกว่า พวกคุณไม่สามารถลดและทำลายมูลค่าของสกุลเงินได้ต่อไป” ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์

“พวกคุณทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะไม่เป็นธรรมกับเรา เป็นเรื่องยากมากสำหรับเราที่จะผลิตรถแทรกเตอร์ เมื่อญี่ปุ่น จีน และประเทศอื่นๆ กำลังทำลายสกุลเงินของพวกเขา ซึ่งหมายถึงการกดมูลค่าลง” ทรัมป์เสริม

“แทนที่จะบ่นเกี่ยวกับความพยายามเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทางโทรศัพท์ สหรัฐสามารถชดเชยความเสียเปรียบที่ผู้ผลิตอเมริกันต้องเผชิญได้ด้วยการกำหนดภาษี และวิธีที่จะแก้ไขได้อย่างง่ายดายก็คือ การใช้ภาษี” ทรัมป์ กล่าว

ด้านคัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นชี้แจงว่า โตเกียวไม่ได้ดำเนินนโยบายที่มุ่งตรงไปที่การทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง เมื่อถูกถามเกี่ยวกับคำพูดของทรัมป์

ขณะที่ชิเกรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น กล่าวต่อรัฐสภาว่า ญี่ปุ่นไม่ได้ดำเนินนโยบายที่เรียกว่า “นโยบายการลดค่าเงิน” พร้อมทั้งเสริมว่า เขาไม่ได้รับโทรศัพท์จากทรัมป์เกี่ยวกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน

ทั้งนี้ ทรัมป์เคยกล่าวหาญี่ปุ่น และจีนว่า มีเจตนาทำให้สกุลเงินของตนเองอ่อนค่าในระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกของเขา การประกาศภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐกับจีนหลายครั้ง ทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงมากกว่า 12% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ระหว่างเดือนมีนาคม 2018 ถึงพฤษภาคม 2020

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา จีนให้ความสำคัญกับ “การรักษาเสถียรภาพของค่าเงินหยวน" โดยธนาคารกลางจีนยังคงควบคุมการเคลื่อนไหวของสกุลเงินให้แข็งค่าขึ้น ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้ นักวิเคราะห์บางคนมองว่าเป็นความพยายามลดความตึงเครียดกับสหรัฐ

“จีน และญี่ปุ่นไม่ได้ทำให้สกุลเงินของตนถูกลง และจริงๆ แล้วพวกเขากำลังทำตรงกันข้าม” ชาง เว่ยเหลียง นักยุทธศาสตร์ด้านสกุลเงิน และเครดิตจาก DBS กล่าว

“เรามองว่าจีน และญี่ปุ่นมีท่าทีที่สอดคล้องกับสหรัฐ ในแง่ที่ไม่ต้องการเห็นหยวน และเยน อ่อนค่าลงมากเกินไป” ชางเสริม

ขณะที่เคน เชิง หัวหน้านักกลยุทธ์ค่าเงินเอเชียจากธนาคารมิซูโฮ ในฮ่องกงให้ความเห็นว่า “ถึงแม้ว่าจะมีการปรับขึ้นภาษีเพิ่มเติม 10% แต่ธนาคารกลางจีนน่าจะหลีกเลี่ยงการปรับนโยบายที่ตั้งอัตราแลกเปลี่ยนหยวนอย่างคงที่ เนื่องจากคำเตือนของทรัมป์เกี่ยวกับการอ่อนค่าของหยวน ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะรักษาความเสถียรของสกุลเงินในช่วงการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ”

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางคนคาดว่า ความไม่พอใจของทรัมป์ต่อค่าเงินเยนที่อ่อนค่า อาจกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

“ญี่ปุ่นไม่สามารถดำเนินการแทรกแซงโดยการซื้อเงินเยน และขายเงินดอลลาร์ในระดับเงินเยนปัจจุบันได้ ดังนั้นแรงกดดันจะเพิ่มขึ้นต่อธนาคารกลางญี่ปุ่น ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” ฮิโรยูกิ มาชิดะ ผู้อำนวยการฝ่ายขายสินค้าโภคภัณฑ์ และ FX ของญี่ปุ่นที่ ANZ กล่าว


อ้างอิง: reutersbloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์