สรุปขึ้นภาษี 3 ประเทศ มีผลเที่ยงวันนี้ 'จีน - แคนาดา' โต้กลับเดือด

หลังจากที่มีความพยายามยื้อยุดผ่านการเจรจากันมานับเดือน ในที่สุด การเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐที่มีต่อ 3 ประเทศคู่ค้ารายใหญ่คือ "แคนาดา เม็กซิโก และจีน" ก็เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันอังคารที่ 4 มี.ค.68 ตามเวลาในสหรัฐ หรือช่วงเที่ยงวันนี้ตามเวลาในไทย นับเป็นการเดินหน้าสงครามการค้าที่ร้อนระอุขึ้นในยุคทรัมป์ 2.0 ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

สำหรับภาษีที่มีผลบังคับใช้วันนี้ประกอบด้วย ภาษีนำเข้ากับ "แคนาดา และเม็กซิโก" ในอัตรา 25% โดยทรัมป์ให้เหตุผลว่าเขาเชื่อว่าทั้งสองประเทศรวมทั้งจีน ไม่ได้ดำเนินการมากพอในการสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย เช่น เฟนทานิล เข้าสู่สหรัฐ และยังกล่าวด้วยว่าเม็กซิโก และแคนาดาไม่เหลือช่องทางใดอีกที่จะหลีกเลี่ยงภาษีดังกล่าวได้ 

ส่วน "จีน" นั้น ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 10% ซึ่งเมื่อรวมกับของเดิมที่มีผลบังคับใช้ไปแล้วในเดือนก.พ. จะเท่ากับจีนถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้ารวมเป็น 20% โดยสหรัฐให้เหตุผลว่าเพื่อลงโทษจีนที่ยังคงขนส่งเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐ

ทรัมป์ตอบผู้สื่อข่าวเรื่องความเป็นไปได้ที่จะเรียกเก็บภาษีกับจีนสูงขึ้นอีกหรือไม่ว่า ส่วนหนึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าจีนจะตอบโต้สหรัฐอย่างไร แต่เขาไม่คิดว่าจีนจะตอบโต้กลับมากจนเกินไป

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวว่า มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ซึ่งจะใช้กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐนั้น จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย.68 ตามกำหนดเดิมเช่นกัน

3 ประเทศตอบโต้กลับหรือไม่ อย่างไร

'แคนาดา' ขึ้นภาษีกลับ 25% วัน-เวลาเดียวกัน 

นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ประกาศล่าสุดในวันนี้ (4 มี.ค.68) ว่า แคนาดาจะดำเนินมาตรการตอบโต้กลับสหรัฐด้วยการเรียกเก็บภาษีในอัตราเท่ากัน มีผลในวัน และเวลาเดียวกัน คือ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐล็อตแรก 25% คิดเป็นมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 7.03 แสนล้านบาท) มีผลตั้งแต่วันอังคารที่ 4 มี.ค.68 และจะเรียกเก็บภาษีล็อตที่สองกับสินค้านำเข้าสหรัฐมูลค่า 1.25 แสนล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.93 ล้านล้านบาท) โดยจะมีผลหากการเจรจาในอีก 21 วันถัดไป ไม่สามารถบรรลุผลได้ 

“ภาษีของเราจะยังคงมีผลบังคับใช้จนกว่าการดำเนินการทางการค้าของสหรัฐจะถูกยกเลิก และหากสหรัฐยังไม่ยุติภาษี เราจะหารืออย่างจริงจังกับจังหวัด และเขตการปกครองต่างๆ เพื่อดำเนินมาตรการต่างๆ ที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี” ทรูโด กล่าว

'จีน' เล็งโต้กลับสินค้าเกษตร 

หลังจากแสดงท่าทีอย่างแข็งกร้าวไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์จีนประกาศว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐบางรายการเพิ่มอีก 15% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 10 มี.ค.68 พร้อมทั้งจะควบคุมการส่งออกสินค้าไปยังบริษัทสหรัฐจำนวน 15 แห่ง โดยเป็นการตอบโต้ที่มีขึ้นตามมาไม่นาน หลังจากที่มาตรการภาษีของสหรัฐเริ่มมีผลบังคับใช้ 

ภาษีศุลกากรที่จีนเรียกเก็บเพิ่มเติมจากสหรัฐ ส่วนใหญ่จะครอบคลุม "สินค้าเกษตร ซึ่งรวมถึงข้าวโพด และถั่วเหลือง" ส่วนบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการที่จีนควบคุมการส่งออกนั้นมีหลายบริษัทซึ่งรวมถึงบริษัท Leidos and General Dynamics Land Systems

"จีนไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาดต่อการที่สหรัฐเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติม และจีนจะใช้มาตรการตอบโต้" แถลงการณ์ที่เผยแพร่ในวันนี้ของกระทรวงพาณิชย์จีนระบุ และเสริมด้วยว่ามาตรการภาษีของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และเรียกร้องให้ถอนมาตรการดังกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Global Times ซึ่งเป็นสื่อของทางการจีนรายงานว่า จีนกำลังจับตาไปที่ "สินค้าเกษตร" และ "สินค้าในกลุ่มอาหาร" ของสหรัฐ และจะตอบโต้ด้วยการใช้ทั้งมาตรการภาษี และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีหลายรายการ ขณะที่สื่อของทางการจีนอีกรายอย่างหนังสือพิมพ์ People's Daily ได้รายงานถึงขั้นตอนที่ปักกิ่งวางแผนจะใช้ตอบโต้กรณีที่ "สหภาพยุโรป" (อียู) กำหนดภาษีนำเข้าต่อรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ของจีนเมื่อปีที่แล้ว

'เม็กซิโก' ขอรอดูท่าทีก่อน

ประธานาธิบดี คลอเดีย เชนบาม ของเม็กซิโก กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า จะขอรอดูก่อนว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ จะทำตามคำขู่ที่จะขึ้นภาษีสินค้าในวันอังคารหรือไม่ และเสริมว่าเม็กซิโกมีแผนสำรองในกรณีที่เกิดการขึ้นภาษี ไม่ว่าสหรัฐจะตัดสินใจอย่างไร เม็กซิโกก็พร้อมแล้ว โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของเม็กซิโกได้พบกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐที่กรุงวอชิงตัน เพื่อหารือนโยบายการค้า และความมั่นคง ซึ่งเป็นความพยายามของเม็กซิโกที่จะยับยั้งการขึ้นภาษี

“เรามีแผน B, C, D” เชนบาม กล่าว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับแผนสำรองรับมือดังกล่าว 

หุ้นเอเชียร่วงหนัก ญี่ปุ่นลบเกือบ 700 จุด 

ด้านตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าในวันอังคารนี้ (4 มี.ค.68) ร่วงลงถ้วนหน้าจากข่าวร้ายการเดินหน้าเก็บภาษีของสหรัฐ ต่อเนื่องจากที่เปิดตลาดช่วงเช้ามาในแดนลบเช่นกัน

ดัชนีนิกเคอิตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดภาคเช้าที่ระดับ 37,096.51 จุด ลดลง 688.96 จุด หรือ -1.82% ฟากดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดภาคเช้าที่ระดับ 22,901.24 จุด ลดลง 105.03 จุด หรือ -0.46% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,316.67 จุด ลดลง 0.26 จุด หรือ -0.01%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียร่วงลง 1.07% ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.13%

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์