คุยการเมืองเยอรมัน ชัยชนะขวาจัด และผลต่อยูเครน กับผอ.ศูนย์เยอรมัน-SEAS มธ.

คุยการเมืองเยอรมัน ชัยชนะขวาจัด และผลต่อยูเครน กับผอ.ศูนย์เยอรมัน-SEAS มธ.

กรุงเทพธุรกิจ” ชวนพูดคุยกับ ดร.เฮนนิ่ง เกรเซอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศเยอรมัน-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อนโยบายสาธารณะและธรรมาภิบาล (CPG) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงชัยชนะของพรรคขวาจัดในเยอรมนี

ในขณะที่ฝุ่นจากการเลือกตั้งทั่วไปในเยอรมนีเพิ่งจะเริ่มสงบลง โลกกำลังจับตามองปรากฏการณ์ทางการเมืองที่น่าสนใจ ด้านหนึ่งคือชัยชนะของพรรคขวากลางอย่าง CDU/CSU ที่ได้รับคะแนนนิยมสูงสุด แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือการเติบโตอย่างรวดเร็วของพรรคขวาจัดอย่าง Alternative für Deutschland (AfD) ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นพรรคอันดับสองได้อย่างน่าประหลาดใจ

ปรากฏการณ์นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์การเมืองเยอรมัน ประเทศที่เคยเข็ดหลาบกับอำนาจนิยมฝ่ายขวาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง กำลังเผชิญกับการเติบโตของแนวคิดขวาจัดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่การรวมประเทศ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่เพียงสะท้อนการเปลี่ยนแปลงภายในเยอรมนี แต่ยังสอดคล้องกับกระแสขวาจัดที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วโลก

เพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมทั้งผลกระทบของการเลือกตั้งครั้งนี้ต่อสงครามในยูเครน

“กรุงเทพธุรกิจ” ชวนพูดคุยกับ ดร.เฮนนิ่ง เกรเซอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศเยอรมัน-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อนโยบายสาธารณะและธรรมาภิบาล (CPG) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองเยอรมันและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อวิเคราะห์รากเหง้าของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ และผลกระทบที่อาจมีต่อยุโรปและเวทีโลก โดยเฉพาะในบริบทของสงครามในยูเครนและความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาภายใต้การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์

คุยการเมืองเยอรมัน ชัยชนะขวาจัด และผลต่อยูเครน กับผอ.ศูนย์เยอรมัน-SEAS มธ.

ในบริบทการเมืองเยอรมัน ความหมายของฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา และฝ่ายกลางคืออะไร

ฝ่ายขวาเรามีพรรคอนุรักษนิยม โดยพื้นฐานแล้วอนุรักษนิยมหมายถึง คุณให้คุณค่ากับสิ่งที่คุณมี คุณให้คุณค่ากับค่านิยมที่มาจากอดีต ซึ่งรวมถึงความมั่นคงของชาติ ศาสนา ครอบครัว ประเพณี และคุณต้องการรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้

และฝ่ายอนุรักษนิยมมีความเข้าใจพื้นฐานว่าสิ่งต่างๆ กำลังเปลี่ยนแปลง เป็นแนวคิดที่สวยงามมาก ทุกอย่างไหลเลื่อน ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลง และพวกเขาต้องการรักษาสิ่งที่พวกเขาคิดว่าดีไว้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนั้น

ในอีกด้านหนึ่ง ฝ่ายก้าวหน้า พวกเขามองไปที่อนาคต และต้องการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น มันจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในฝั่งอนุรักษนิยม เราต้องการรักษาสิ่งที่มาจากอดีตและเรามองย้อนกลับไปยังช่วงเวลาดีๆ ในอดีตและเราปรารถนาที่จะรักษาสิ่งดีๆ จากประวัติศาสตร์ที่เรามี

และในฝั่งก้าวหน้า เราต้องการเปลี่ยนแปลง เราคิดว่าความเป็นจริงไม่สมบูรณ์แบบ เราต้องการทำให้มันดีขึ้นและด้วยเหตุนี้เราจึงมองไปที่อนาคตและนั่นคือความแตกต่างพื้นฐานระหว่างขวาและซ้าย

ในแง่ของนโยบาย คุณจะเห็นว่าฝ่ายอนุรักษนิยมให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชาติ ผลประโยชน์ของชาติ อำนาจอธิปไตย ผู้ลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้มีรายได้สูง เพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับครอบครัวและศาสนา

และในฝั่งก้าวหน้า คุณจะให้ความสำคัญโดยเฉพาะกับผลประโยชน์ของผู้มีรายได้น้อย ผลประโยชน์ของกลุ่มที่เปราะบางกว่าในสังคม และมีแนวทางแบบสากลมากขึ้น ไม่ได้มองเพียงแค่ประชากรของตัวเอง แต่มองที่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างมนุษย์โดยพื้นฐาน

ด้วยบริบททางการเมืองของแต่ละประเทศอาจทำให้นิยามของแนวคิดทางการเมืองในแต่ละประเทศแตกต่างกัน เช่นนิยาม ขวา-ซ้ายในไทยและเยอรมนีอาจแตกต่างกัน คุณมองว่าอย่างไร

ผมอาจจะไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้เล็กน้อย โดยพื้นฐานแล้วเรามีแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน เรามีอุดมการณ์อนุรักษนิยม ฝ่ายขวา เรามีฝ่ายก้าวหน้า ฝ่ายซ้าย และเสรีนิยม และในเยอรมนีเรายังมีขบวนการกรีนที่เข้ามาในช่วงทศวรรษ 1980 และค่อยๆ มีบทบาทมากขึ้นในหลายประเทศ ในเยอรมนีเริ่มเร็วมาก แต่ในประเทศไทยยังไม่แพร่หลายมากนัก

แต่โดยพื้นฐานแล้วก็เหมือนกัน สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ผมคิดว่าในระดับโลก สิ่งที่เราเข้าใจว่าเป็นฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และอีกสิ่งหนึ่งคือพรรคขวากลางดั้งเดิมหรือพรรคซ้ายกลางแบบดั้งเดิมได้ละทิ้งแนวทางแบบเดิมของพวกเขาต่ออุดมการณ์เหล่านี้ไปบ้าง

ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้ถูกกำหนดโดยอุดมการณ์เหล่านี้ในระดับที่เคยเป็นในอดีตอีกต่อไป เราสามารถเห็นสิ่งนี้ครั้งแรกในฝ่ายซ้าย ในอดีตฝ่ายซ้ายมักจะให้ความสำคัญกับประชาชนกลุ่มรากหญ้าและแรกงานแต่ในช่วงที่ผ่านมา พรรคการเมืองฝ่ายซ้ายก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์และขยับไปทางขวามากขึ้น

ในขณะที่ฝ่ายขวา โดยเฉพาะในเยอรมนีทางฝั่งขวา เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปทางซ้ายเช่นกัน ดังนั้น ฝ่ายซ้ายเปลี่ยนไปทางขวา และฝ่ายขวาเปลี่ยนไปทางซ้าย และนั่นทำให้ผู้ลงคะแนนจำนวนมากรู้สึกประหลาดใจหรือประชาชนเริ่มไม่เห็นว่าอุดมการณ์ของพวกเขาสอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรคอีกต่อไป

ในการเมืองเยอรมัน มีคำที่พูดบ่อยมากคือ ‘Firewall’ มันคืออะไร แล้วเกิดมาได้อย่างไร

กำแพงไฟ หรือ Firewall หมายถึงการมีข้อจำกัดในการเลือกพันธมิตรทางการเมือง เยอรมนีมักไม่อยู่ในสถานการณ์ที่พรรคเดียวสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นพรรคต่างๆ จึงต้องร่วมมือกัน และ Firewall หมายความว่า พรรคการเมืองทั้งหมดมีข้อตกลงร่วมว่า พรรคขวาจัดควรถูกกันออกจากการต่อรองทางการเมืองทุกรูปแบบ

ไม่มีพรรคการเมืองใดในกลุ่มพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นมายาวนานจะยอมร่วมมือกับฝ่ายขวาจัด หรือพรรค AfD และนั่นเป็นฉันทามติท่ามกลางพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมมาเป็นเวลานาน

พรรค AfD หรือพรรคขวาจัด เป็นพรรคที่เพิ่งเกิดขึ้น เป็นผู้มาใหม่ และพรรคอื่นๆ ตกลงกันว่าเราจะไม่ร่วมมือกับพวกเขา และตอนนี้สิ่งนี้กำลังถูกคุกคาม เพราะตอนนี้เรามีพรรคนี้เป็นพรรคที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองในเยอรมนี

คุยการเมืองเยอรมัน ชัยชนะขวาจัด และผลต่อยูเครน กับผอ.ศูนย์เยอรมัน-SEAS มธ.

คุณเห็นอะไรจากผลการเลือกตั้งในเยอรมนีล่าสุด ?

รัฐบาลปัจจุบันแพ้อย่างหนัก รัฐบาลที่กำลังบริหารประเทศอยู่ถูกผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงโทษ ลงโทษอย่างหนัก พรรครัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดคือพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) ซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่ที่สุดของเยอรมนี เป็นพรรคเก่า ก่อตั้งขึ้นในสมัยราชวงศ์ในศตวรรษที่ 19 นานมาแล้ว ประมาณสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในประเทศไทยรัชกาลที่ 5

SPD เป็นพรรคที่เก่ามาก และพรรคนี้ได้รับผลการเลือกตั้งที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นหายนะสำหรับพวกเขา และพรรคใหญ่อันดับสองในพันธมิตรนั้นคือพรรคกรีน พรรคกรีนก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน พวกเขาก็แพ้ด้วย และสุดท้าย เรามีพรรคเสรีนิยม ซึ่งเป็นพรรคเล็กซึ่งหลุดจากรัฐสภา

เราจึงกล่าวได้ว่ารัฐบาลถูกลงโทษอย่างหนัก และกลุ่มขวากลางอย่าง CDU/CSU ได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้จึงเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุด จึงถือเป็นหนึ่งในผู้ชนะการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่น่าพอใจจริงๆ สำหรับพรรคนี้ เพราะได้คะแนนต่ำกว่า 30% และสำหรับเยอรมนี การที่พรรคใหญ่ที่สุดได้คะแนนต่ำกว่า 30% ถือเป็นเรื่องผิดปกติ พรรคใหญ่ๆ มักหวังที่จะได้มากกว่านี้

และผู้ชนะที่แท้จริงคือพรรค AfD ซึ่งสำหรับพรรคที่ยังอายุน้อยมาก ประสบความสำเร็จอย่างน่าประหลาดใจ

อีกแนวโน้มหนึ่งคือผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนหนุ่มสาวลงคะแนนให้กับพรรคขวาจัดและซ้ายจัด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจหรือมีนัยสำคัญในฐานะแนวโน้ม

และคุณยังมีรูปแบบระดับภูมิภาคที่มีนัยสำคัญมาก เช่น เยอรมนีตะวันออกที่เคยเป็นรัฐที่เป็นเอกเทศ เป็นรัฐสังคมนิยม เยอรมนีตะวันออก ที่นั่นคุณจะเห็นรูปแบบการลงคะแนนที่เอื้อประโยชน์อย่างมากต่อฝ่ายขวาจัด แม้บางพื้นที่จะมีแต่คะแนนส่วนใหญ่กลับลงไปที่พรรคขวาจัด

จากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ประกอบกับการกลับมาของทรัมป์ คุณมองว่า ทั้งโลกกำลัง ‘หันขวา’ ใช่หรือไม่

ใช่ ชัดเจนว่านี่เป็นความจริง (นิ่งคิด...)

สำหรับเยอรมนี เรามีหลักฐานแล้วว่าสิ่งที่เคยคิดไม่ถึงหลายปีหลังสงครามโลกครั้งที่สองได้เกิดขึ้น ระบบรัฐธรรมนูญของเราก่อตัวขึ้นหลังสงคราม เรามีเสถียรภาพมายาวนาน และเป็นเวลานานและไม่มีใครคาดคิดว่าพรรคขวาจัดจะประสบความสำเร็จได้มากขนาดนี้ และตอนนี้ประสบความสำเร็จแล้วมากกว่า 20% ซึ่งเป็นความสำเร็จที่มีนัยสำคัญสำหรับฝ่ายขวาจัด

นั่นจึงเป็นแนวโน้มที่น่าทึ่ง และคุณก็ถูกต้องที่แนวโน้มนี้สะท้อนแนวโน้มทั่วโลก ผมคิดว่าในระดับโลก นโยบายฝ่ายขวากำลังเพิ่มขึ้นและมีเหตุผลสำหรับเรื่องนั้น

เหตุผลคือ เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง ระเบียบโลกกำลังเปลี่ยนแปลง โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน และการเปลี่ยนแปลงนี้มาพร้อมกับความเสี่ยง ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงในทางบวก แทบจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในแง่ลบทั้งหมด

และนั่นแตกต่างมาก เช่น ถ้าคุณเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนแปลงหลังจบสงครามเย็นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นทั้งโลกมีความหวังอย่างมาก โลกาภิวัตน์เป็นอะไรที่เป็นบวก ทุกวันนี้โลกาภิวัตน์กำลังถูกคุกคาม แต่ก็ยังคงอยู่ ยังคงสำคัญ แต่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้า และเมื่อโลกาภิวัตน์เคยเป็นโอกาสเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ทุกวันนี้ก็เป็นความเสี่ยงด้วยเช่นกัน และมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นแหล่งที่มาของความเสี่ยง

มากไปกว่านั้น เราเห็นความเสี่ยงของการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ เราเห็นความเป็นไปได้ของสงครามมหาอำนาจ อาจจะไม่ใช่ตอนนี้ แต่ในอนาคตอาจเกิดขึ้นได้ เราเห็นว่าเรามีการกระจายอำนาจใหม่ทั้งหมดในระเบียบโลก ดังนั้น ประเทศในโลกใต้กำลังได้รับอำนาจมากขึ้น

ทั้งนี้ ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดก็ต้องโทษการเมืองแบบเดิมด้วยผมคิดว่าผู้ลงคะแนนจำนวนมากในหลายประเทศทั่วโลกผิดหวังกับวิธีที่สัญญาประชาคมแบบปัจจุบัน

ดังนั้น ผมสังเกตเห็นว่าเรามีความไม่เชื่อมโยงกันระหว่างแนวคิดที่ประเทศตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่า อะไรคืออัตลักษณ์ของชาติ? อะไรคือสัญญาประชาคมของประเทศที่เรากำลังอาศัยอยู่

ประชาชนจำนวนมากไม่ได้เชื่อในกฎพื้นฐานและในกฎที่สร้างอัตลักษณ์ของชาติ อัตลักษณ์ทางรัฐธรรมนูญอีกต่อไป และคุณมีการแบ่งขั้ว ดังนั้น ผู้คนในประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายได้อีกต่อไป พื้นที่ตรงกลางหายไป และนั่นมีอยู่ทุกที่และนำไปสู่ความเอนเอียงไปทางมุมมองทางการเมืองแบบขวาจัดมากกว่าแบบซ้ายจัด  

แล้วปัจจัยที่ทำให้พรรคการเมืองฝ่ายขวาในเยอรมนีได้รับแรงผลักดันมากขึ้นคืออะไร

การย้ายถิ่นฐานเป็นปัจจัยหนึ่ง เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ มันเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่ Brexit ในอังกฤษและสหราชอาณาจักรด้วย และเช่นเดียวกันในเยอรมนี

การย้ายถิ่นฐานเป็นความท้าทาย และผมคิดว่าผู้คนเข้าใจด้วยว่าเราจะมีการย้ายถิ่นฐานมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้ตัวเลขต่อปีอาจไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบต่อเนื่อง แต่ในระยะยาว จะมีการย้ายถิ่นฐานมากขึ้นเพียงเพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพียงเพราะเราจะมีสงครามมากขึ้น ประชาชนหลายคนเห็นสิ่งนั้น เช่นเดียวกับในประเทศไทย คุณจะมีผู้อพยพจากพม่าเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นซึ่งเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ นั่นจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผู้คนอาจรู้สึกไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

เมื่อคุณพูดถึงการย้ายถิ่นฐาน คุณต้องเข้าใจบริบทของเยอรมนีด้วย เพราะการย้ายถิ่นฐานเป็นปัญหาสำหรับสังคมมาอย่างยาวนาน เป็นประเด็นที่สามารถถูกนำมาใช้ประโยชน์ทางการเมืองด้วย

ในเยอรมนี เรามีระบบรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติต่อผู้อพยพเหมือนชาวเยอรมันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้น ผู้อพยพจึงมีส่วนร่วมในรัฐสวัสดิการของเรา และในช่วงเวลาที่รัฐสวัสดิการถูกมองว่าอยู่ภายใต้การคุกคามโดยคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีความยากลำบากทางเศรษฐกิจ และเยอรมนีตอนนี้ทางเศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ผู้คนอาจมีความรู้สึกตั้งคำถามกับความช่วยเหลือผู้อพยพครั้งนี้

ผมคิดว่านั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมประชาชนบางส่วนจึงมีความกลัวการย้ายถิ่นฐานมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจเยอรมันที่ไม่ดี

อย่างไรก็ตาม เยอรมนียังคงเป็นประเทศที่อยู่ในอันดับสามในแง่ของ GDP ในโลก คือ สหรัฐอเมริกา จีน แล้วก็เยอรมนี ดังนั้น เรายังคงเป็นประเทศที่ร่ำรวยมาก แต่ทางเศรษฐกิจไม่ได้ทำได้ดีขึ้น แต่กลับแย่ลง นั่นคือข้อเท็จจริงหนึ่ง

คุยการเมืองเยอรมัน ชัยชนะขวาจัด และผลต่อยูเครน กับผอ.ศูนย์เยอรมัน-SEAS มธ.

และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากเพิ่มคือ ผู้คนจำนวนมากต่อต้านการย้ายถิ่นฐานอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้อย่างลึกซึ้ง ในขณะที่เรายังมีผู้คนจำนวนมากที่แท้จริงแล้วยินดีต้อนรับการย้ายถิ่นฐานอย่างชัดเจน ดังนั้น ตอนนี้จึงมีสองขั้วความคิดอย่างแท้จริง

จากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา คนรุ่นใหม่เลือกพรรคขวาจัดและซ้ายจัดมากขึ้น ไม่มีพื้นที่สำหรับพรรคกลาง เพราะอะไร 

ผมสันนิษฐานว่าผู้ลงคะแนนที่เป็นคนหนุ่มสาวลงคะแนนในลักษณะต่อต้านการเมืองกระแสหลักมากขึ้น (Anti-establishment) พวกเขาเพียงแค่ไม่พอใจกับพรรคที่มีอยู่เดิม

ไม่ใช่แค่เรื่องการย้ายถิ่นฐาน บางทีผู้อพยพอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาด้วยซ้ำ พวกเขาเพียงแค่ไม่พอใจกับพรรคที่มีอยู่เดิม ผมคิดว่านั่นเป็นเหตุผลหลัก

ที่ผ่านมาผมได้พูดคุยกับคนหนุ่มสาวบางคนครั้งล่าสุดเมื่อผมอยู่ในเยอรมนี ความรู้สึกของผมคือพวกเขามี พวกเขาไม่ไว้วางใจนักการเมือง พวกเขาไม่ไว้วางใจภาษาทางการเมือง พวกเขาไม่เชื่อ พวกเขาเห็นว่านักการเมืองพูดถึงสิ่งหนึ่งแต่กลับทำอีกสิ่งหนึ่ง และความไม่เชื่อนั้นหรือความรู้สึกที่ว่าคุณได้ยินคำพูด แต่คุณเห็นความเป็นจริงที่แตกต่างออกไป ทำให้พวกเขาลงคะแนนต่อต้านพรรคเก่า

คุยการเมืองเยอรมัน ชัยชนะขวาจัด และผลต่อยูเครน กับผอ.ศูนย์เยอรมัน-SEAS มธ.

เปรียบเทียบคนรุ่นใหม่ไทยกับเยอรมัน กลุ่มไหนมีความกระตือรือร้นทางการเมืองมากกว่ากัน

ในประเทศไทยกำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผมคิดว่าคนรุ่นใหม่ในประเทศไทยตอนนี้ เท่าที่ผมเห็น ไม่ได้มีความกระตือรือร้นมากเหมือนที่เคยเป็นเมื่อสองปีก่อน นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมเห็น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความผิดหวังกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วย

ส่วนในเยอรมนี ผมคิดว่าคนจำนวนมาก คนหนุ่มสาวที่ลงคะแนนให้กับฝ่ายขวาจัด พวกเขาไม่ได้มีความกระตือรือร้นทางการเมืองในแง่ที่พวกเขาไปร่วมการประท้วงหรืออะไรก็ตาม ขณะที่ในฝั่งซ้าย พวกเขามีความกระตือรือร้นมากกว่าเล็กน้อย พวกเขาทำการประท้วงเรียกร้องด้านสิ่งแวดล้อม การประท้วงนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น

กลุ่มคนรุ่นใหม่ฝ่ายซ้ายในเยอรมันดูเหมือนจะมีความกระตือรือร้นมากกว่าและมีความกระตือรือร้นอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยความเร่งที่น้อยลง ช่วงก่อน COVID สองปีก่อน เรามีเยาวชนที่มีความกระตือรือร้นมาก พวกเขามีความกระตือรือร้นมากในการมีส่วนร่วมกับนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และตอนนี้ผมไม่เห็นมากขนาดนั้นอีกแล้ว

อิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์ และ Tiktok ในการเมืองเยอรมันสำหรับคนรุ่นใหม่เป็นอย่างไร

มีอิทธิพลมาก เหมือนในประเทศไทย มันสำคัญทุกที่ สื่อสังคมออนไลน์มีความสำคัญมากในการมีอิทธิพลต่อผู้ลงคะแนนโดยทั่วไปและโดยเฉพาะผู้ลงคะแนนที่เป็นคนหนุ่มสาว เพราะผู้ลงคะแนนที่เป็นคนหนุ่มสาวเข้าถึงสื่อเหล่านี้เกือบตลอดเวลา ดังนั้น ผมคิดว่ามันมีบทบาทสำคัญมาก

โอกาสที่ CDU/CSU จะร่วมมือกับ AfD ในการจัดตั้งรัฐบาลไหม

เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะบอก เราพูดถึงพรรคขวากลางอย่าง CSU/CDU เราพูดถึงพรรคที่เป็นหนึ่งในสองพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดในเยอรมนีมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ

พรรคนี้กลายเป็นพรรคซ้ายมากภายใต้รัฐบาลของนางอังเกลา แมร์เคิล และนั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้ลงคะแนนและสมาชิกพรรคจำนวนมากผิดหวัง

ทั้งหมดจึงทำให้สมาชิกพรรคบางคนหันไปทางขวา ในพรรค AfD หรือพรรคขวาจัดที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น มีนักการเมืองบางคนที่มาจากพรรคขวากลางที่เข้าร่วมกับ AfD และนี่จึงเป็นเหตุผลที่อาจทำให้ในอนาคต CSU/CDU มีโอกาสจับมือและขยับเข้าใกล้ AfD มากขึ้น

สิ่งที่สองคือ เฟรดดริค แมร์ซ ผู้ชนะการเลือกตั้งคนปัจจุบันแนวโน้มอย่างมากที่จะขับเคลื่อนพรรคไปทางขวามากขึ้น แต่ไม่ใช่เพื่อให้สอดคล้องกับพรรคขวาจัด แต่ตรงกันข้าม เพื่อให้ผู้สนับสนุนพรรคกลุ่มเดิมกลับมาหลังจากที่รัฐบาลแมร์เคิลทำให้ผู้ลงคะแนนกลุ่มนี้หายไป

คำถามต่อมาคือถ้าคุณมีการเลือกตั้งครั้งถัดไปและถ้าในการเลือกตั้งนั้นพรรคขวาจัดประสบความสำเร็จมากขึ้น อะไรจะเกิดขึ้นได้? บางทีมันอาจเป็นคำถามของคณิตศาสตร์ที่คุณอาจต้องร่วมมือกับพวกเขาหรือพวกเขาอาจชนะการเลือกตั้งด้วยซ้ำ

ดังนั้นคุณไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ของความร่วมมือนี้ออกไปได้ มันสามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นผมคิดว่าในตอนนี้ อาจจะยังไม่เกิดขึ้น พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสิ่งที่เรียกว่า Firewall แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไม่สามารถรับประกันได้

คิดว่า ‘เฟรดดริค แมร์ซ’ อดีตนายแบงก์จาก Black Rock จะสามารถพาเยอรมนีออกจากวิกฤติเศรษฐกิจได้ไหม  

แมร์ซพยายามลดภาษี เขาจะพยายามสร้างแรงจูงใจสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และต้องการความช่วยเหลือจากผุ้เชี่ยวชาญในวงการธุรกิจและด้านการเงินระดับสูงมากใช้ เขาทำงานให้ Black Rock มาแล้ว ดังนั้นเขาจึงเป็นนักธุรกิจและนักการเงินที่มีประสบการณ์มาก

แต่เขาจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจเยอรมันได้ไหม ผมไม่ทราบ เพราะเยอรมนีมีปัญหาเชิงโครงสร้าง หนึ่งในปัญหาเหล่านี้คือพลังงาน เรามีปัญหาพลังงานที่รุนแรงเพราะเยอรมนีมีการพัฒนาสองอย่างที่สร้างอันตรายต่อความมั่นคงด้านพลังงานในประเทศ

อย่างแรกคือเราละทิ้งพลังงานนิวเคลียร์ เราเป็นหนึ่งในประเทศไม่กี่แห่งในโลกที่ปฏิเสธพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญมากของปัญหาพลังงานในเยอรมนี เพราะเรายังไม่สามารถแทนทีพลังงานนิวเคลียร์ด้วยแหล่งพลังงานทางเลือก

ประการที่สองคือเราพึ่งพาก๊าซรัสเซียและเนื่องจากสงครามในยูเครน เราจึงปฏิเสธก๊าซรัสเซีย “ในระดับหนึ่ง” โดยส่วนหนึ่งยังคงซื้อมันผ่านอินเดีย แต่นั่นก็สร้างข้อสงสัยในสังคมว่าเรายังซื้อพลังงานจากรัสเซียอยู่หรือไม่ และเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้คนถามเกี่ยวกับความเป็นจริงของสิ่งที่พวกเขาเห็นและสิ่งที่พวกเขาได้ยิน

อย่างไรก็ตาม เรามีปัญหากับการจัดหาพลังงานและเศรษฐกิจของเราต้องการพลังงาน ดังนั้น โดยปราศจากพลังงานและพลังงานราคาถูก มันเป็นเรื่องยากมากที่จะรักษาบทบาทความเป็นผู้นำที่เยอรมนีมีในยุโรปและแม้แต่ในโลกก็ตาม

มากไปกว่านั้น เยอรมนีพึ่งพาอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างมาก รถยนต์ การผลิตรถยนต์ ผมว่าทั้งประเทศไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ดมากพอเพื่อเทียบกับประเทศอื่น

ดังนั้นอุตสาหกรรมยานยนต์จะเผชิญกับปัญหา กำลังเผชิญกับปัญหาที่รุนแรงอยู่แล้วและเป็นปัญหาคู่ ประการแรก พวกเขาไม่ได้เป็นผู้นำตลาดในยานยนต์ไฟฟ้าอีกต่อไป และประการที่สอง รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนก็เข้ามาตีตลาดในเยอรมนีอย่างเห็นได้ชัดและมากขึ้นเรื่อยๆ

 

คุยการเมืองเยอรมัน ชัยชนะขวาจัด และผลต่อยูเครน กับผอ.ศูนย์เยอรมัน-SEAS มธ.

ชัยชนะครั้งนี้ของ ‘เฟรดดริค แมร์ซ’ จะส่งผลอย่างไรต่อ นาโต้ ยูเครน และสหรัฐในภาพรวม

ผมคิดว่าแมร์ซ เป็นนักการเมืองที่เป็นฝ่ายแอตแลนติกเสมอมา เขาเน้นมิตรภาพของเรากับสหรัฐอเมริกา เขายืนหยัดเพื่อสิ่งนั้นอย่างมาก โดยพื้นฐานแล้ว เขาสนับสนุน NATO และมีจุดยืนชัดเจนมากเกี่ยวกับยูเครนและการสนับสนุนยูเครนและอาจมากกว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ

ที่สำคัญเรายัมี “ระบบของอาวุธ” ที่จะอาจส่งไปช่วยเหลือยูเครนหากสงครามยังไม่ยุติ ถ้าสงครามยังดำเนินต่อไป อาจเป็นไปได้ที่เราจะสนับสนุนยูเครนมากขึ้น ไม่เพียงแค่ด้วยเงินมากขึ้น แต่ยังรวมถึงระบบอาวุธที่แตกต่างกัน และระบบอาวุธเหล่านี้อาจถูกพิจารณาจากฝั่งรัสเซียว่าเป็นการยกระดับสงครามได้ด้วย

อีกประเด็นหนึ่งคือในแง่ของความสัมพันธ์ของเรากับสหรัฐ ผมว่าทุกอย่างยังเปิดกว้าง ผมคิดว่าทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในตอนนี้ในระเบียบโลกระหว่างประเทศปัจจุบัน อย่างที่คุณทราบ ชาวยุโรปโดยทั่วไป พวกเขามีปัญหากับสหรัฐอเมริกาภายใต้ทรัมป์ และทรัมป์มีปัญหากับชาวยุโรป และแมร์ซก็ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับเรื่องนั้น และในขณะนี้ แมร์ซไม่ได้หลีกเลี่ยงความขัดแย้งนี้ เขาตระหนักถึงความขัดแย้งระหว่างทรัมป์และชาวยุโรปและกล่าวว่าเราต้องการนโยบายความมั่นคงของยุโรปที่เป็นอิสระมากขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกตั้งในเยอรมนีนี้มีความสำคัญต่อคนไทยอย่างไร? ทำไมคนไทยจึงควรรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้?

ผมก็ไม่ทราบว่าคนไทยควรรู้หรือไม่ (หัวเราะ) แต่เยอรมนีเป็นประเทศที่สำคัญมาก เยอรมนีเป็นประเทศที่สำคัญที่สุดในยุโรปทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ฝรั่งเศสและเยอรมนีร่วมกันเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนการบูรณาการยุโรป ปัจจุบันมีโปแลนด์เข้าร่วมด้วย เราเรียกสิ่งนี้ว่า "สามเหลี่ยมไวมาร์" ประกอบด้วยฝรั่งเศส เยอรมนี และโปแลนด์

หากเยอรมนีอ่อนแอ สิ่งนี้ไม่ดีต่อยุโรป โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยุโรปอาจจำเป็นต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันในการเผชิญหน้ากับนโยบายใหม่จากวอชิงตัน หากเยอรมนีอ่อนแอ ยุโรปจะประสบความยากลำบาก และฝรั่งเศสก็อ่อนแอเช่นกัน แม้แต่มาครงก็ไม่แข็งแกร่ง ฝรั่งเศสมีปัญหาคล้ายกัน ผมคิดว่าความเป็นผู้นำในฝรั่งเศสยิ่งอ่อนแอกว่า

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนไทยควรสนใจการเลือกตั้งในเยอรมนี เยอรมนีเป็นประเทศที่สำคัญมากในยุโรป ยุโรปต้องวางตำแหน่งตัวเองในโลกใหม่ และสิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับประเทศเช่นเยอรมนี ฝรั่งเศส และโปแลนด์ หากประเทศเหล่านี้มีปัญหา หากรัฐบาลไม่แข็งแกร่งพอ นั่นย่อมมีผลกระทบต่อโลกอย่างแน่นอน