‘อีลอน มัสก์’ ทุ่มให้ DOGE จนลืม Tesla ฉุดหุ้นดิ่ง 8% มูลค่าหลุด 1 ล้านล้านดอลล์

‘อีลอน มัสก์’ ทุ่มให้ DOGE จนลืม Tesla  ฉุดหุ้นดิ่ง 8% มูลค่าหลุด 1 ล้านล้านดอลล์

ราคาหุ้น Tesla ดิ่ง 8% ฉุดมูลค่าบริษัทร่วงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ นักลงทุนกังวล ‘อีลอน มัสก์‘ ทุ่มเทให้ DOGE จนลืม Tesla หลังยอดขายต่ำคาด ส่วนฟีเจอร์ใหม่ FSD ก็ทำผลงานน่าผิดหวัง เมื่อเทียบกับ EV จีน

ซีเอ็นบีซีรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น “เทสลา” (Tesla) ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าร่วงลงมากกว่า 8% หลังปิดตลาดวันที่ 25 ก.พ. 68 ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นทะบานขึ้นหลังประธานาธิบดี “โดนัล ทรัมป์” ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง นอกจากนี้ นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นเทสลาร่วงลง 25% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลงเพียง 1.5% เท่านั้น

ขณะเดียวกัน “อีลอน มัสก์" Elon Musk ซีอีโอของบริษัทก็สูญเสียทรัพย์สินสุทธิไปกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้ความมั่งคั่งตกลงมาอยู่ที่ประมาณ 380,000 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังคงครองตำแหน่งบุคคลที่รวยที่สุดในโลก 

‘อีลอน มัสก์’ ทุ่มสุดตัวให้ DOGE  

การลดลงของราคาหุ้นครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ถือหุ้นของ Tesla  เกิดความกังวลใน 2 เรื่องสำคัญ 

เรื่องแรกคือ ผลการดำเนินงานของบริษัท หลังจากที่รอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ว่า การอัปเกรดระบบขับขี่อัตโนมัติ (FSD) ของเทสลาที่หลายคนรอคอยมานานนั้นสร้างความผิดหวัง มีผู้ใช้หลายคนแจ้งว่าฟีเจอร์ "นำทางบนถนนในเมือง" ของ Tesla ในจีนยังไม่สามารถทำได้ตามที่มักส์พูดไว้ ขณะที่ค่ายอีวีจีนอื่นๆ รวมถึง BYD เสนอฟีเจอร์ FSD โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือในราคาที่ต่ำกว่ามาก 

 

ถัดมาคือสถานะของมัสก์ ที่ปัจจุบันใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในทำเนียบขาวเพื่อดูแลกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาลหรือ DOGE (Department of Government Efficiency)  ที่ได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลและข้อมูลของผู้เสียภาษี ซึ่งประธานาธิบดี “โดนัล ทรัมป์” มอบอำนาจให้มัสก์ควบคุมการปลดพนักงานจำนวนมากในหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลบริษัทต่างๆ ได้อย่างอิสระ

เว็บไซต์ของรัฐบาลระบุว่า กระทรวงได้ประหยัดเงินได้ประมาณ 65,000 ล้านดอลลาร์ หรือต่ำกว่า 1% ของงบประมาณของรัฐบาลกลางปี 

การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่มีความรุนแรงและการเคลื่อนไหวสุดโต่งของมัสก์ ทำให้เกิดการต่อต้านในตลาดต่างๆ นำไปสู่การประท้วงที่ร้านค้าและศูนย์บริการของ Tesla ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทดิ่งลงตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก.พ. ประกอบกับทรัมป์ประกาศแผนการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน 

รวมทั้งในไตรมาสที่ 4 ของปี 67 รายได้และยอดขายต่ำ Tesla ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยรายได้จากยานยนต์ลดลง 8% จากปีก่อน และรายได้จากการดำเนินงานลดลง 23% นอกจากนี้ยอดจดทะเบียนรถยนต์ Tesla ทั่วทั้งภูมิภาคยุโรปในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ก็ลดลงด้วย

อ้างอิง  CNBC