Soft Power ของสหรัฐกำลังสั่นคลอน ผลจากการลดงบ USAID | Creative Economy

ซอฟต์พาวเวอร์ขิงสหรัฐ กำลังสั่นคลอน เพราะการดำเนินการลดงบและลดคนในหน่วยงาน USAID ซึ่งเป็นหน่วยงานช่วยเหลือต่างประเทศที่ช่วยขยายอิทธิพลของสหรัฐ
หลายทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐสร้างอิทธิพลระดับโลก ไม่เพียงผ่านกำลังทหารหรือเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึง Soft Power ความสามารถในการกำหนดมุมมองของผู้คนทั่วโลกผ่านวัฒนธรรม ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการทูต
อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองล่าสุดอาจบั่นทอนอิทธิพลดังกล่าว ภายใต้การบริหารของ โดนัลด์ ทรัมป์ หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ (U.S. Agency for International Development: USAID)ซึ่งเป็นเสาหลักของโครงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการพัฒนาทั่วโลก กำลังเผชิญกับการตัดงบประมาณและปรับโครงสร้างครั้งใหญ่
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้สร้างความกังวลว่าสถานะของสหรัฐในเวทีโลกอาจลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่จีนและรัสเซียเตรียมขยายบทบาทของตนผ่านโครงการพัฒนาและความช่วยเหลือระหว่างประเทศมากขึ้น
ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1961 หน่วยงาน USAID มีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือกว่า 130 ประเทศ โดยเฉพาะในด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และการส่งเสริมประชาธิปไตย โครงการระดับโลก เช่น การกำจัดโรคฝีดาษ การต่อสู้กับโรคเอดส์ และการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ต่างได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ ทรัมป์ ประกาศระงับเงินช่วยเหลือเป็นเวลา 90 วัน USAID ได้เริ่มกระบวนการลดขนาดองค์กร ส่งผลให้พนักงานจำนวนมากถูกปลดออก และโครงการช่วยเหลือสำคัญหลายโครงการถูกระงับ
ฝ่ายบริหารของทรัมป์ให้เหตุผลว่า USAID ไม่สอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐและมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น การถอนตัวจากความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอาจส่งผลกระทบเชิงภูมิรัฐศาสตร์อย่างมีนัยสำคัญ สวนทางกับจีน ที่กำลังเร่งขยายอิทธิพลผ่านโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ซึ่งอาจทำให้ประเทศกำลังพัฒนาหันไปพึ่งพาจีนมากขึ้น โดยเฉพาะในแอฟริกาและเอเชีย บทบาทของสหรัฐในฐานะผู้นำด้านมนุษยธรรมอาจถูกลดทอนลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สหรัฐยังคงครองตำแหน่งสูงสุดในการจัดอันดับ Soft Power ระดับโลก แต่แนวทางนโยบายล่าสุดอาจกระทบต่ออันดับดังกล่าว
จากรายงานของ Brand Finance Global Soft Power Index 2024 สหรัฐได้คะแนน 78.8 ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และยังเป็นผู้นำในด้านวิทยาศาสตร์ ความช่วยเหลือระดับโลก และอิทธิพลทางวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม การลดงบประมาณ USAID อาจทำให้คะแนนในบางมิติลดลงตัวอย่างเช่น มิติเรื่องของ “Helpful to Countries in Need” และ “Good Relations with Other Countries” ซึ่งเป็นมิติที่สหรัฐเคยทำได้ดี คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของพันธมิตรที่เริ่มตั้งคำถามต่อบทบาทของอเมริกาในเวทีโลก และอาจเป็นการเปิดทางให้จีนและรัสเซียขยายอิทธิพลมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่เคยพึ่งพาความช่วยเหลือจากสหรัฐ
แม้ว่าสหรัฐอาจสูญเสียอำนาจนำในด้านการทูตและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่อุตสาหกรรมวัฒนธรรมและสื่อสร้างสรรค์ของอเมริกายังคงเป็นพลังขับเคลื่อนอิทธิพลในระดับโลก เช่น ฮอลลีวูด เพลงป๊อป เทคโนโลยี และแฟชั่นสหรัฐฯ ยังคงมีบทบาทสำคัญ
ในปี 2023 รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศในอเมริกาเหนืออยู่ที่ 9.7 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 27% ของรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมภาพยนตร์อเมริกันในระดับสากล
ขณะเดียวกัน แพลตฟอร์มสตรีมมิง เช่น Netflix, Disney+ และ Amazon Prime กำลังขยายฐานผู้ชมในระดับนานาชาติ ขณะที่วงการเพลง ศิลปินอย่าง เทย์เลอร์ สวิฟต์, บียอนเซ่ และบิลลี่ ไอลิช ยังคงครองใจผู้ฟังทั่วโลกด้านโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มสัญชาติอเมริกันอย่าง YouTube, TikTok และ Instagram ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการเผยแพร่วัฒนธรรมสหรัฐไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม อิทธิพลทางวัฒนธรรมของอเมริกากำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะจากกระแส K-pop และ K-dramas จากเกาหลีใต้, Bollywood จากอินเดีย และ Nollywood จากไนจีเรีย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและสร้างฐานผู้ชมที่กว้างขึ้น
การปรับโครงสร้างและการลดงบประมาณของ USAID อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อสถานะของสหรัฐในเวทีโลก หากต้องการรักษาตำแหน่งผู้นำด้าน Soft Power ไว้ สหรัฐจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์และให้ความสำคัญกับความร่วมมือระดับนานาชาติ เพราะอำนาจที่แท้จริงไม่ได้วัดจากแค่กำลังทหารหรือเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจ เชื่อมโยง และนำพาความร่วมมือระดับโลก







