นักลงทุนกล้าเสี่ยงสุดในรอบ 15 ปี! มองหุ้นสหรัฐแพงไป หันหาหุ้นยุโรปแทน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จาก “ผลสำรวจของธนาคาร Bank of America” พบว่า หุ้นทั่วโลกกลายเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนนิยมมากที่สุด สะท้อนให้เห็นถึง “ความกล้าเสี่ยงที่สูงที่สุด” ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา โดยผู้เข้าร่วมการสำรวจ 34% คาดการณ์ว่า หุ้นทั่วโลกจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในปี 2568 อีกทั้งผู้เข้าร่วมสำรวจ 11% ยังระบุว่าได้ลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรลง

อย่างไรก็ตาม ระดับเงินสดในมือของผู้จัดการกองทุนกลับ “ลดลงสู่ระดับต่ำสุด” นับตั้งแต่ปี 2553 

“นักลงทุนกำลังถือครองหุ้นมาก และขายสินทรัพย์อื่นๆ ทั้งหมด” ไมเคิล ฮาร์ทเน็ตต์ นักกลยุทธ์ด้านการลงทุนกล่าว โดยความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นได้รับการสนับสนุนจากความคาดหวังถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่จะลดลงในปีนี้ 

ที่ผ่านมา หุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นกว่า 60% นับจากจุดต่ำสุดในช่วงปลายปี 2565 เนื่องจากความเชื่อมั่นในปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงมีสัญญาณบ่งชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงได้ อีกทั้งตลาดหุ้นที่ทะยานนั้นถูกขับเคลื่อนโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐซึ่งมีมูลค่าตลาดใหญ่ 

ถึงกระนั้น ผลสำรวจของ Bank of America เผยว่า ผู้ตอบแบบสอบถามราว 89% เห็นพ้องกันว่า หุ้นสหรัฐมีมูลค่าสูงเกินจริง ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2544 อีกทั้งความเชื่อมั่นในความเป็นเลิศของสหรัฐ ซึ่งเคยเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนมุ่งไปที่ตลาดการเงินอเมริกาเป็นหลัก ก็เริ่มสั่นคลอน เนื่องจากนักลงทุนหันไปให้ความสนใจกับหุ้นยุโรปมากขึ้นแทนที่มีมูลค่าต่ำกว่า

ผลสำรวจแสดงให้เห็นอีกว่า ดัชนี Euro Stoxx ของยุโรป เป็นที่คาดว่าจะเอาชนะดัชนี Nasdaq 100 ซึ่งเน้นหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐในปีนี้ โดยดัชนีของยุโรปปรับตัวสูงขึ้นแล้ว 12% ในปี 2568 ในขณะที่ Nasdaq 100 เพิ่มขึ้น 5%

สำหรับความเชื่อมั่นโดยรวมของนักลงทุน ซึ่งวัดจากระดับเงินสด การจัดสรรเงินทุนในหุ้น และความคาดหวังการเติบโตทั่วโลก เพิ่มขึ้นจาก 6.1 เป็น 6.4 แม้ว่าจะยังคงต่ำกว่าระดับรุ่งเรื่องที่เคยเห็นในเดือนธันวาคม 2568 ก็ตาม

นอกจากนี้ ความคาดหวังภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ในขณะที่ผู้จัดการกองทุนประมาณ 77% คาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 จากผลสำรวจ

อ้างอิง: bloomberg