‘ฉางอาน - ตงเฟิง’ 2 ค่ายยักษ์อีวีจีน จ่อควบรวมกิจการ สู่ผู้ผลิตรถยนต์เบอร์ 1

‘ฉางอาน - ตงเฟิง’ 2 ค่ายยักษ์อีวีจีน จ่อควบรวมกิจการ สู่ผู้ผลิตรถยนต์เบอร์ 1

2 ค่ายยักษ์อีวีจีน ‘ฉางอาน - ตงเฟิง’ กำลังพิจารณาการ ‘ควบรวมกิจการ’ เพื่อปรับโครงสร้างบริษัทเดินหน้า ‘อีวี’ ผงาดสู่ผู้ผลิตรถยนต์เบอร์ 1 ของประเทศ

สำนักข่าวนิกเคอิเอเชียรายงานว่าฉงฉิ่ง ฉางอาน ออโตโมบิล  (Chongqing Changan Automobile) และตงเฟิง มอเตอร์ กรุ๊ป (Dongfeng Motor Group)  2 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีน กำลังอยู่ระหว่างการ "เจรจาควบรวมกิจการ" โดยฉางอานมี China South Industries Group เป็นบริษัทแม่ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลกลาง

ทั้ง Dongfeng และ Changan โดยต่างฝ่ายต่างออกแถลงการณ์แยกกัน แต่มีใจความเดียวกันว่าแต่ละบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาปรับโครงสร้าง ร่วมกับบริษัทรถยนต์อีกแห่งที่เป็นของรัฐ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นโดยตรง และไม่มีผลต่อการปฏิบัติงาน โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างการขออนุมัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการลงรายละเอียดว่า คู่บริษัทอีกแห่งที่เจรจาอยู่ด้วยคือใคร และจะดำเนินงานในลักษณะไหน

บริษัทรถยนต์ที่ภาครัฐจีนหนุนหลังอยู่มีเพียง 3 แห่ง และมีเพียง FAW Group รายเดียวที่ไม่ได้ออกแถลงการณ์ลักษณะนี้ โดย 36kr สื่อท้องถิ่น ระบุว่า Dongfeng และ Changan จะรวมตัวกันตั้งกลุ่มบริษัทรถยนต์แห่งใหม่ และมีผู้บริหารจาก Dongfeng ในปัจจุบันมานั่งตำแหน่งบริหารทั้ง Yang Qing ซึ่งเป็น Chairman ของ Dongfeng และจะมี General Manager มาเสริมทัพด้วย

ดีลสู่ผู้นำตลาด ‘รถยนต์จีน’

การควบรวมกิจการของสองบริษัทนี้จะส่งผลให้พวกเขากลายเป็น “ผู้นำ ”ตลาดรถยนต์ในประเทศจีน จาก Changan ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ Ford Motor และ Mazda Motor ทำยอดขายได้ 2.68 ล้านคันในปี 2567 ตามด้วย Dongfeng Group ที่เป็นพาร์ตเนอร์กับ Honda Motor และ Nissan Motor สามารถทำยอดขาย 2.48 ล้านคัน 

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองบริษัทถือเป็นผู้ที่เข้าสู่ตลาด “รถยนต์ไฟฟ้า” ของจีนช้ากว่าคู่แข่ง และประสบปัญหาหลายประการจนทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายในปี 2567 ได้ การควบรวมกิจการครั้งนี้จึงอาจเป็นความหวังของทั้งสองบริษัทในการใช้ประโยชน์จากขนาดองค์กรที่ใหญ่ขึ้น เพื่อเร่งการพลิกฟื้นสถานการณ์ให้ดีขึ้น

ที่ผ่านมา Changan และ Dongfeng ได้มุ่งเน้นการพัฒนาแบรนด์ของตนเองผ่านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในปีที่ผ่านมา ทั้งสองบริษัทสามารถทำยอดขายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ของตนเองได้รวมทั้งสิ้น 3.5 ล้านคัน

 

อ้างอิง Nikkei

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์