เกมต่อรองของทรัมป์เพื่ออเมริกา หรือ เพื่อใคร?

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แม้เพิ่งรับตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 20 มกราคม แต่ได้ก่อความปั่นป่วนให้กับโลกไม่เว้นแต่ละวัน เรื่องการขึ้นภาษีนำเข้ายังไม่จบ
เรื่องการขึ้นภาษีนำเข้ายังไม่จบ ล่าสุดเสนอจะยึดเอาฉนวนกาซาย้ายชาวปาเลสไตน์มากกว่า2 ล้านคนออกเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์สร้างกาซาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งผู้นำอาหรับและประเทศอื่นๆส่งเสียงคัดค้านกันระงม
ท่าทีของทรัมป์ก่อให้เกิดคำถามมากมายว่า นโยบายต่างประเทศของเขาทำไปเพื่อประเทศสหรัฐอเมริกา หรือเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของทรัมป์เองและพวกพ้อง เสียงวิจารณ์ทรัมป์ดังมาจากทั้งในสหรัฐเองและต่างประเทศ
- สัญชาตญาณนักพัฒนาอสังหาฯของทรัมป์
แอนโทนี ซูร์เชอร์นักข่าวบีบีซี วิเคราะห์ว่า ข้อเสนอการยึดกาซา ที่ทำให้คนส่วนใหญ่มึนงงนั้น จริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายมากนัก เพราะเบื้องหลังแล้วมันจากสัญชาตญาณของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เช่นทรัมป์นั่นเอง
นักการเมืองอีกฝั่งโต้ทรัมป์อย่างดุเดือดว่า ทรัมป์มองเห็นโอกาสทำธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาในฉนวนกาซา ด้วยการสร้างรีสอร์ต คล้ายๆกับมาอาร์ลาโกของเขาที่รัฐฟลอริดา
ทรอย คาร์เตอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตแห่งรัฐหลุยเซียนา วิจารณ์ว่า “การพัฒนาพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามให้เป็นเหมือนรีสอร์ตกอล์ฟของทรัมป์นั้น ไม่ใช่แผนสันติภาพ แต่เป็นการดูแคลน ผู้นำที่จริงจังต้องแสวงหาทางออกที่แท้จริง ไม่ใช่ข้อตกลงด้านโครงการอสังหาริมทรัพย์”
- ภาษีนำเข้าสินค้า
ทรัมป์ขึ้นอัตราภาษีจากจีนเพิ่มอีก 10% และประกาศขู่จะขึ้นภาษีกับแคนาดาและเม็กซิโก 25 % แต่ระงับภาษีสองประเทศหลังไว้ก่อน 30 วันหลังถูกผู้นำสองประเทศนี้ประกาศสู้กลับ
พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล ตั้งข้อสังเกตว่า ทรัมป์ขึ้นภาษีจีนน้อยกว่าที่เคยประกาศไว้ในช่วงหาเสียงว่า จะขึ้นภาษีจีนสูงถึง 60 % ในขณะที่ขู่ว่าจะขึ้นภาษีกับแคนาดา และเม็กซิโกในอันตราสูง
อัตราภาษีเดิมของจีนอยู่ที่ประมาณร 19 % ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ แต่การขึ้นภาษีศุลกากรรอบนี้ยังหมายความว่า แคนาดากำลังเผชิญกับภาษีศุลกากรที่เทียบเคียงได้กับภาษีที่เรียกเก็บกับจีน และแคนาดาพึ่งพิงกับการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกามากกว่าจีนพึ่งสหรัฐ โดยจากข้อมูลขององค์การการค้าโลก (WTO)ในปี 2022 การส่งออกของแคนาดาไปสหรัฐสูงถึง 76.9% ของการส่งออกทั้งหมด ในขณะที่การส่งออกของจีนไปสหรัฐคิดเป็นเพียง16.2% ของการส่งออกทั้งหมดของจีน
“โดยหลักแล้ว เป็นการลงโทษสถานเบาต่อระบอบเผด็จการที่เป็นคู่แข่งที่อันตรายและอาจกลายเป็นศัตรูทางทหารในอนาคต เมื่อเทียบกับการกระทำรุนแรงต่อประเทศประชาธิปไตยซึ่งถือเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดของสหรัฐ” ครุกแมน เขียนวิเคราะห์ลงในแพลตฟอร์ม Substack
ครุกแมนกล่าวถึงดุลการค้าจีนว่า จีนเกินดุลการค้าโดยรวมจำนวนสูงมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป แต่ในกรณีนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการหาทางออกจากนโยบายภายในประเทศที่ล้มเหลว ส่วนแคนาดามีการค้าขายที่สมดุลโดยประมาณ ตามข้อมูลของ WTO จีนเกินดุลการค้าทั่วโลกสูงเกือบ5% ของจีดีพีในปี 2022 ส่วนแคนาดาเกิดดุลการค้าเกือบ 1% ของจีดีพี
ครุกแมนชี้ว่า แคนาดาเกินดุลการค้าทวิภาคีกับสหรัฐอเมริกาไม่มากนักโดยขายให้สหรัฐมากกว่าที่ซื้อ ในขณะที่ทรัมป์มักกล่าวเกินจริงถึงขนาดการเกินดุลนี้ด้วยตัวเลขสองหรือสามเท่าตัว และเรียกว่าเป็น “เงินอุดหนุน”ของสหรัฐ ซึ่งไม่สมเหตุสมผลเลย และส่วนเกินนี้ล้วนเกิดจากการส่งออกพลังงานของแคนาดาซึ่งส่วนใหญ่คือน้ำมันที่ส่งไปยังเขตตะวันตกตอนบนของสหรัฐอเมริกา
- เลวร้ายอย่างไร?
ครุกแมนกล่าวถึงการลงโทษแคนาดาว่า “ ประเด็นสำคัญที่สุด ผมไม่สามารถหาเหตุผลที่จะลงโทษแคนาดาด้วยภาษีได้ นับประสาอะไรกับการปฏิบัติต่อเพื่อนบ้านของเราอย่างรุนแรงยิ่งกว่าที่ทรัมป์ปฏิบัติต่อจีนนั้น ถือว่าเป็นผลประโยชน์ของชาติ” โฆษกของทรัมป์กล่าวโทษว่าเป็นเพราะสารเสพติดเฟนทานิลหลั่งไหลข้ามชายแดนทางตอนเหนือของสหรัฐ ซึ่งครุกแมนเห็นว่า ไม่ถือเป็นเหตุผลให้ต้องเก็บภาษีศุลกากร ถึงแม้ว่ามันจะเกิดขึ้นก็ตาม ครุกแมนตั้งคำถามว่า แต่ใครสามารถบอกได้ว่าภาษีศุลกากรเหล่านี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตัวของผู้กำหนดนโยบายเรื่องนี้
ครุกแมนเดาว่าทรัมป์กำลังเก็บภาษีศุลกากรสูงกับแคนาดาและเม็กซิโกเพียงเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาทำได้ เป็นการแสดงอำนาจเหนือกว่า และหลายคนชี้ว่ามันเป็นความคิดที่แย่มาก ทรัมป์อาจต้องการเพียงแสดงให้โลกรู้ว่า เขาเป็นผู้รับผิดชอบและฉลาดกว่าคนอื่นๆ
- การใช้ภาษีต่ำกับจีน
คนจำนวนมากต่างรู้ว่า อีลอน มัสก์ มีเหตุผลทางธุกิจที่ต้องการปฏิบัติต่อจีนอย่างอ่อนโยนเพราะมีโรงงานใหญ่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีน ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายน แพลตฟอร์มข่าว Politico Europe เขียนบทความวิจารณ์ว่า การเลือกตั้งใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์กำลังคุกคามความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน เสี่ยงเข้าสู่การขึ้นอัตราภาษีการค้าตอบโต้กันและอาจจะทวีความรุนแรงเป็นสงครามการค้าโลก โดยที่ยุโรปติดอยู่ตรงกลาง แต่จีนคิดว่ามีไพ่เหนือกว่าอยู่ในกระเป๋าที่สามารถช่วยผ่อนนโยบายที่แข็งกร้าวของทรัมป์ได้ นั่นคือ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla ซึ่งบริษัทของเขาต้องอาศัยความสัมพันธ์อันดีกับประเทศจีนนักวิเคราะห์คนอื่นๆอีกหลายคนเชื่อว่า จีนเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี มัสก์ใกล้ชิดกับทรัมป์มากจนมีการตั้งฉายาให้ว่า “มัสก์เป็นประธานาธิบดีร่วมกับทรัมป์”
- ใครซื้อเงินคริปโทของทรัมป์
ครุกแมนยังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวของทรัมป์เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลประโยชน์ผ่านโทเคนดิจิทัล $Trump และโทเคนของสตรีหมายเลขหนึ่ง $Melania ซึ่งเป็นเหรียญมีม หรือเงินคริปโทประเภทหนึ่งและไม่มีมูลค่าที่แท้จริง
ครุกแมนกล่าวว่า คำถามสำคัญคือใครซื้อโทเคนเหล่านี้ มันเป็นของขวัญที่มุ่งเป้าไปที่แฟนๆที่ใส่หมวกแดง MAGA นี้หรือไม่?
มีนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากซื้อโทเคนนี้ แต่บริษัทวิเคราะห์ธุรกรรมเงินคริปโทผ่านบล็อกเชน Chainalysis พบว่า 94 %ของโทเคนถูกซื้อโดย “วาฬ” ประมาณ 40 ตัว วาฬคือผู้ซื้อรายใหญ่ที่ถือเหรียญมูลค่ามากกว่า 10 ล้านดอลลาร์
คนข้างนอกไม่รู้ว่าวาฬเหล่านี้คือใคร ครุกแมนตั้งข้อสงสัยว่า ไม่ใช่เรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลที่จะคาดเดาว่าพวกเขาอาจจะเป็นบุคคลหรือองค์กรที่ต้องการซื้ออิทธิพลทางการเมือง มากกว่าที่จะมองหาสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ดี
วาฬบางตัวสามารถเป็นตัวแทนที่มีประสิทธิภาพให้กับรัฐบาลจีนได้หรือไม่? จีนสามารถซื้ออัตราภาษีศุลกากรให้ต่ำลงโดยการเพิ่มความร่ำรวยให้กับทรัมป์เป็นการส่วนตัวได้หรือไม่? ครุกแมนยอมรับว่าไม่มีหลักฐานว่าจีนใช้เงินซื้อ แต่การคาดเดานี้ ไม่ได้ปราศจากความสมเหตุสมผล และครุกแมนฉายภาพในมุมกว้างว่า: “หากผู้นำของประเทศทุจริตเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ระบอบเผด็จการเช่นจีนจะมีข้อได้เปรียบเหนือระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีหลักนิติธรรมเป็นหลัก แคนาดาไม่สามารถจ่ายเงินซื้อการปฏิบัติทางการค้าที่เอื้อให้กับตน ด้วยการติดสินบนประมุขแห่งรัฐต่างประเทศได้ การทำเช่นนั้นจะถือเป็นเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่และจะทำให้เกิดการสอบสวนโดยรัฐสภา แต่จีนทำได้แน่นอน แต่เราไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือไม่”
ครุกแมนกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงก็คือ: “ทรัมป์กำลังใช้มาตรการภาษีแบบทำลายล้างกับพันธมิตรที่ไม่ได้ทำอะไรผิดและทำลายตนเองไปด้วย ขณะเดียวกันก็จัดการกับคู่แข่งและผู้ที่อาจจะกลายเป็นศัตรู ด้วยวิธีการที่นุ่มนวลกว่า จึงยากที่จะเชื่อว่าเป็นเรื่องของความโง่เขลา แม้ว่าจะมีสัญญาณมากมายที่ทำให้เข้าใจได้เช่นนั้น”
ด้าน ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทยมองว่า ทรัมป์ระงับจัดเก็บภาษีเม็กซิโกและแคนาดาไว้ 30วันในเวลาต่อมาว่า เพราะทั้งสองประเทศนี้ยอมอ่อนข้อให้กับทรัมป์ แต่ครุกแมนกลับมองว่า ทรัมป์เองเป็นฝ่ายถอยเมื่อมีคนลุกขึ้นสู้ ในขณะที่นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า แรงกดดันทางการเมืองจะทำให้ทุกฝ่ายประนีประนอมกัน เรื่องการตอบโต้ขึ้นภาษีการค้าต่อกันนี้ยังไม่จบ ไม่มีใครทราบแน่ชัดผลจะออกมาอย่างไร และทรัมป์จะทำอะไรให้ทั่วโลกมึนงงอีก