‘โนมูระ’ เผยทรัมป์อุดช่องโหว่ทางการค้า ฉุดส่งออก-เศรษฐกิจ ‘จีน’ ร่วง

‘โนมูระ’ เผยทรัมป์อุดช่องโหว่ทางการค้า ‘จีน’ ฉุดส่งออกจีนลดลง 1.3% กด GDP หดตัว 0.2% ในปีนี้ มูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานถึงบทวิเคราะห์ของนักเศรษฐศาสตร์จาก โนมูระ โฮลดิ้ง (Nomura Holdings Inc.) ว่าการตัดสินใจของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ในการปิดช่องโหว่ทางภาษีศุลกากรที่บริษัทจีนเคยใช้ประโยชน์ จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าการค้าระหว่างประเทศที่สูงถึงหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น 10% พร้อมกับต้นทุนใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามา จะส่งผลให้การขนส่งสินค้าลดลงอย่างมาก
นักเศรษฐศาสตร์จากโนมูระนำโดย ติง ลู่ ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้การเติบโตของการส่งออกโดยรวมจีน ลดลง 1.3% และยังจะส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนในปีนี้ชะลอตัวลงอีกด้วย โดยทำให้ GDP ของจีนลง 0.2% ในปีนี้
จากข้อมูลของ Nomura ในปีที่แล้ว บริษัทต่าง ๆ เช่น Shein และ Temu ได้ส่งพัสดุขนาดเล็กมูลค่า 46,000 ล้านดอลลาร์ไปยังสหรัฐ โดยใช้ประโยชน์จากกฎหมายที่อนุญาตให้สินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์เข้าสู่สหรัฐ ได้โดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การค้าระหว่างประเทศในสินค้าขนาดเล็กมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จากประโยชน์ทางช่องโหว่นี้
ตัวเลขการค้า 'จีน-สหรัฐ' ต่ำกว่าความเป็นจริง
บลูมเบิร์กวิเคราะห์ข้อมูลจากข้อมูลของรัฐบาลจีนระบุว่า มูลค่าการส่งออกดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 23,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวเลขที่ "ต่ำกว่าความเป็นจริง" เนื่องจากมีรายงานว่าบริษัทต่าง ๆ ได้ส่งสินค้าจำนวนมาไปยังเม็กซิโก ก่อนที่จะแยกสินค้าออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อส่งเข้าไปยังสหรัฐอเมริกา
ช่องว่างในการรายงานข้อมูลการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนได้ขยายตัวกว้างขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีสาเหตุสำคัญประการหนึ่งมาจากการเติบโตของการค้าแบบพัสดุ ความแตกต่างนี้เกิดจากวิธีการนับที่ไม่เหมือนกันระหว่างสองประเทศ กล่าวคือ จีนได้รวมการค้าแบบพัสดุเข้าไปในการคำนวณ อย่างน้อยในบางส่วน ในขณะที่สหรัฐอเมริกาไม่ได้นับรวมการค้าในรูปแบบนี้
สถานการณ์ดังกล่าวเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา เมื่อจีนรายงานตัวเลขการส่งออกไปยังสหรัฐ ในระดับที่สูงกว่าตัวเลขการนำเข้าที่สหรัฐรายงาน โดยในปีที่ผ่านมา ความแตกต่างนี้ได้ขยายตัวถึง 86,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่ผิดปกติและน่าสังเกต
การเปลี่ยนแปลงภาษีใหม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างต้นทุนของบริษัทต่างๆ อย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น SF International บริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำของจีน ได้ประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม 20 หยวน (ประมาณ 92.44 บาท) สำหรับพัสดุทุกชิ้นที่จัดส่งจากจีนแผ่นดินใหญ่หรือฮ่องกง พร้อมทั้งกำหนดให้มีการวางเงินมัดจำภาษีในอัตรา 30%
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า ต้นทุนการขนส่งสินค้าทางอากาศจากจีนไปยังสหรัฐอเมริกาอาจลดลงได้มากถึง 50% ภายหลังการปรับเปลี่ยนภาษีศุลกากรครั้งนี้







