ทรัมป์จ่อยุบ ‘USAID’ ทำพันธมิตรเอเชียหวั่นไหว เสี่ยงหันไปพึ่งทุนจีนแทน

ทรัมป์จ่อยุบ ‘USAID’ ทำพันธมิตรเอเชียหวั่นไหว เสี่ยงหันไปพึ่งทุนจีนแทน

การตัดสินใจยุบ ‘USAID’ ของรัฐบาลทรัมป์ สะเทือนความช่วยเหลือไปทั่วโลก โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียที่พึ่งพาความช่วยเหลือจากสหรัฐอย่างยาวนาน สุ่มเสี่ยงที่ประเทศในเอเชียอาจหันไปพึ่งพาจีนมากขึ้นแทน

เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า ความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในการยุบ “หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ” หรือ “USAID” สร้างความตกใจให้แก่เจ้าหน้าที่พัฒนาจากทั่วเอเชียอย่างมาก พวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกับสหรัฐ แทนที่จะพึ่งพาความช่วยเหลือจากจีน

“นี่กระทันหันเกินไป” ตัวแทนจากวอชิงตันที่ทำงานกับหน่วยงานพัฒนาของรัฐบาลแถบเอเชียกล่าว “การประสานนโยบายการพัฒนากับพันธมิตรและคู่ค้า เป็นหัวใจสำคัญของนโยบายอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐ”

ย้อนไปในการประชุมสุดยอดที่แคมป์เดวิดในเดือนสิงหาคม 2023 ซึ่งผู้นำของสหรัฐ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้มารวมกัน ทั้งสามฝ่ายตกลงที่จะเสริมการประสานนโยบายการพัฒนา เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกและส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

ในคำแถลงการณ์ร่วมทั้งสามประเทศ ได้ระบุความมุ่งมั่นในการร่วมมือเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และส่งเสริมความร่วมมือทางการเงิน เพื่อการพัฒนาในระดับภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวดูเหมือนจะห่างไกลจากความเป็นจริง เมื่อไฟฟ้าที่สำนักงานใหญ่ของหน่วยงานความช่วยเหลือต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่ข้ามถนนจากทำเนียบขาวได้ดับลง พนักงานได้รับอีเมลแจ้งให้พักอยู่บ้าน

เจอรี่ คอนโนลี สมาชิกของคณะกรรมการสภาด้านการกำกับดูแล และการปฏิรูประบบรัฐบาล ได้วิจารณ์ อีลอน มัสก์ ประธานกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ว่า เป็นมหาเศรษฐีที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งและเป็นอำนาจนิยมที่ขาดคุณสมบัติ อีกทั้งยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ DOGE ได้เข้าถึงสำนักงานใหญ่ของ USAID ในช่วงสุดสัปดาห์ และพยายามเข้าถึงข้อมูลลับ

“เราจะต่อสู้ในทุกวิถีทางที่เราทำได้ ในศาล ในความเห็นของสาธารณะ การใช้เวทีสาธารณะ ในห้องโถงของสภาคองเกรส และที่ศูนย์ USAID เอง” คอนโนลีกล่าว

“เราจะไม่ยอมให้ความอยุติธรรมนี้เกิดขึ้น” เขากล่าว “สภาคองเกรสเป็นผู้ก่อตั้งหน่วยงานนี้ด้วยกฎหมายความช่วยเหลือต่างประเทศปี 1961 และถ้าคุณต้องการเปลี่ยน คุณต้องเปลี่ยนกฎหมายนั้น”

ในวันจันทร์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แต่งตั้งมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นผู้ดูแลการปฏิบัติการชั่วคราวของ USAID ซึ่งเป็นสัญญาณถึงการควบรวมกับกระทรวงการต่างประเทศในอนาคต

รูบิโอกล่าวว่า “USAID เป็นหน่วยงานที่ไม่ตอบสนองเลย ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ แม้ว่าฟังก์ชันหลายอย่างของ USAID จะยังคงดำเนินต่อไป แต่รัฐบาลมั่นใจว่า ทุกดอลลาร์ที่เราจ่ายออกไปในต่างประเทศจะถูกใช้ในสิ่งที่ส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติเรา”

อนิต มูเคอร์จี นักวิจัยอาวุโสขององค์กรวิจัยจากอินเดีย The Observer Research Foundation มองว่า การกระทำนี้ได้สร้างความตกใจให้ ไม่เพียงแต่พนักงานของ USAID แต่ยังสะเทือนทั้งระบบความร่วมมือระดับโลกอีกด้วย และส่งผลกระทบต่อความช่วยเหลือในบังกลาเทศ อัฟกานิสถาน เนปาล และเมียนมาร์ 

“บังกลาเทศจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะมีโครงการหลายอย่างในบังกลาเทศที่พึ่งพิงเงินจาก USAID” เขากล่าว

“ด้วยการที่รัฐบาลบังกลาเทศชุดใหม่ห่างเหินจากอินเดีย ท่าทีแรกของพวกเขาคือ อาจหันไปทางจีนมากกว่าที่จะหันไปทางอินเดีย” มูเคอร์จีกล่าว

อ้างอิง: nikkei