‘จีน’ เล็งฟื้นข้อตกลงการค้าสหรัฐ - จีน ‘เฟส 1’ รับมือทรัมป์เก็บภาษีนำเข้า 10%

‘จีน’ เล็งฟื้นข้อตกลงการค้าสหรัฐ - จีน ‘เฟส 1’ ที่เคยใช้ยุติสงครามการค้าเมื่อปี 2563 รับมือทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้า 10% พร้อมสัญญาไม่ลดค่าเงินหยวน เพิ่มลงทุนในสหรัฐ และคุมเข้มการส่งออก ‘เฟนทานิล’
เมื่อวันที่ 1 ก.พ.68 ที่ผ่านมาทรัมป์ได้เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก และแคนาดา 25% และ ภาษีนำเข้าสินค้าจีน 10% เนื่องมาจาก “ยาเฟนทานิล” ซึ่งเป็นสารตั้งต้นยาเสพติด และการอพยพเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย
บลูมเบิร์ก รายงานว่า “กระทรวงพาณิชย์จีน” ได้ออกแถลงการณ์แสดงความ "ไม่พอใจ" อย่างรุนแรงในช่วงกลางสัปดาห์ของวันหยุดยาวในช่วงตรุษจีน และประกาศว่าจะมี "มาตรการตอบโต้" แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก พร้อมทั้งเรียกร้องให้สหรัฐ "จัดการความแตกต่างบนพื้นฐานของความเท่าเทียม บนประโยชน์ร่วมกัน และความเคารพซึ่งกันและกัน"
นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Economics นำโดยชาง ชู และเดวิด คู ระบุว่าจีนจำเป็นต้องมีการตอบสนองทางการเมืองในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญที่จีนกำลังเผชิญคือ การรักษาสมดุลระหว่างการดำเนินการที่สอดคล้องกับจุดยืนของประเทศ และการหลีกเลี่ยงการตอบโต้ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการค้าในช่วงที่เศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ในระยะฟื้นตัวที่สำคัญ
แกรี่ อึ้ง นักเศรษฐศาสตร์จาก Natixis SA ได้ระบุว่าจีนมีช่องทางตอบโต้สหรัฐหลายรูปแบบ นอกเหนือการตอบโต้ด้วยการจัดเก็บภาษี เช่น การควบคุมการส่งออกแร่ธาตุที่สำคัญ และการจำกัดการเข้าถึงตลาดของบริษัทอเมริกันบางแห่ง
ฟื้นข้อตกลงการค้า "เฟส 1"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างถึงแหล่งข่าวของจีนที่เปิดเผยกับทางวอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า “จีน” ได้เตรียมข้อเสนอต่อรองในประเด็นที่สหรัฐกำหนดจะขึ้นภาษีศุลกากรจีน 10% ด้วยการเสนอฟื้นฟูข้อตกลงการค้า "เฟส 1" ซึ่งได้มีการลงนามไว้ในปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีวาระแรก
ทั้งนี้ จีนยังมีข้อเสนอเพิ่มเติมอีกหลายประการ โดย WSJ ระบุว่าจีนพร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ลดค่าเงินหยวน พร้อมกับเสนอที่จะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐ รวมทั้งสัญญาว่าจะควบคุมการส่งออกสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดอย่าง “เฟนทานิล” อย่างเข้มงวด
จีนได้แสดงท่าทีคัดค้านมาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม จีนยังคงเปิดช่องทางการเจรจากับสหรัฐเพื่อหาทางออก และป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย
ข้อตกลงการค้าเฟส 1 ที่ทรัมป์ลงนามกับจีนในปี 2563 นำไปสู่การยุติสงครามภาษีที่ดำเนินมาเกือบ 2 ปีในเวลานั้น โดยภายในข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้จีนต้องเพิ่มนำเข้าสินค้า และบริการจากสหรัฐเพิ่มเป็น 2 แสนล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 2 ปี แต่จีนไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้เนื่องจากการระบาดของโควิด-19
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ทรัมป์ได้สั่งให้สำนักงานการค้าสหรัฐประเมินผลการดำเนินงานของจีนภายใต้ข้อตกลงการค้าดังกล่าวเมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา
ฉุด GDP จีนร่วง 0.5%
Bloomberg Economics ประมาณการว่ามาตรการภาษีชุดแรกของทรัมป์อาจทำให้ยอดการส่งออกจากจีนไปยังสหรัฐลดลง 40% ซึ่งจะทำให้ GDP จีน ลดลง 0.9%
ขณะที่โกลด์แมน แซคส์มองว่า การเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของ GDP จีนราว 0.5% ในปีนี้
นอกจากนี้รายงานยังเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนของจีนต่อ TikTok โดยรัฐบาลจีนมีแผนที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนในบริษัท ByteDance สามารถเจรจาต่อรองทางธุรกิจกับผู้ที่สนใจเสนอราคาในสหรัฐได้อย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกัน แคนาดาซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐมาอย่างยาวนาน ก็ตัดสินใจตอบโต้สหรัฐด้วยการประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 25% ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวม 155,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 3.5 ล้านล้านบาท
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์