‘ทรัมป์’ เก็บภาษี 3 ประเทศ ดันสินค้า 4 กลุ่มแพงขึ้น ทำชาวมะกันรับภาระเพิ่ม

‘ทรัมป์’ เก็บภาษี 3 ประเทศ ดันสินค้า 4 กลุ่มแพงขึ้น ทำชาวมะกันรับภาระเพิ่ม

‘ทรัมป์’ เก็บภาษี 3 ประเทศ แคนาดา เม็กซิโกและจีน ดันสินค้า 4 กลุ่มแพงขึ้น ทำชาวมะกันแบกรับภาระเพิ่ม เกือบ 3 หมื่นบาทต่อคน กดดันกำลังซื้อในระยะยาว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานผลกระทบจากการ “ขึ้นภาษีนำเข้า” ครั้งใหม่ของประธานาธิบดี “โดนัล ทรัมป์” จากสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกจะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 25% ส่วนสินค้าจากจีนจะถูกเก็บภาษีเพิ่ม 10% มาตรการนี้จะส่งผลให้ราคาสินค้าหลายประเภทปรับตัว “สูงขึ้น” โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นอย่างผัก ผลไม้ และรถยนต์

ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ได้ออกมาเตือนว่า บริษัทในสหรัฐที่ต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์จะมีต้นทุนที่สูงขึ้น และมีแนวโน้มที่จะผลักภาระค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งไปยังผู้บริโภคผ่านการปรับ “ขึ้นราคาสินค้า” 

เจมส์ ไนท์ลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศของ ING ได้วิเคราะห์สถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้ว่า หากผู้บริโภคไม่หันไปซื้อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐและต้องแบกรับภาระภาษีศุลกากรทั้งหมด ผลกระทบทางเศรษฐกิจอาจสูงถึง 835 ดอลลาร์ต่อคน (ราว 28,519  บาท) หรือประมาณ 3,242 ดอลลาร์สำหรับครอบครัว 4 คน ตามการคำนวณจากข้อมูลการค้าล่าสุด แม้ผลกระทบจะไม่เกิดขึ้นทันที แต่จะสร้างแรงกดดันต่อกำลังซื้อของประชาชนในระยะกลางถึงระยะยาว

4 กลุ่มสินค้าที่จะแพงขึ้น

บลูมเบิร์ก ได้รวบรวม4 กลุ่มสินค้นสหรัฐที่นำเข้ามาจาก 3 ประเทศ ซึ่งอาจแพงขึ้นจากการได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรในครั้งนี้ 

  • ผักและผลไม้สด

ผลผลิตสดที่ชาวอเมริกันบริโภคส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ โดยผักประมาณครึ่งหนึ่งและผลไม้ 40% ที่นำเข้าสหรัฐมาจากเม็กซิโก นอกจากจะเป็นแหล่งผลิตอะโวคาโดที่คนอเมริกันกินถึง 90% แล้ว เม็กซิโกยังเป็นผู้จัดหาพริกหวาน แตงกวา และสควอชรายใหญ่จากต่างประเทศอีกด้วย

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีสัดส่วนสำคัญในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากเม็กซิโกสู่สหรัฐอเมริกาในปี 2566 โดยคิดเป็นเกือบ 25% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด โดยเฉพาะเบียร์นำเข้าจากเม็กซิโกที่มีสัดส่วนสูงถึง 80% ของเบียร์นำเข้าทั้งหมด รวมถึงสุรากลั่นที่เม็กซิโกเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ โดยมีสัดส่วนครึ่งหนึ่งของการนำเข้าสุราทั้งหมด ซึ่งส่วนมากเป็นเตกีลาและเมสคาล ขณะที่แคนาดาก็เป็นผู้ส่งออกสุรากลั่นรายสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะเหล้าหวานและวิสกี้

  • รถยนต์

แบรนด์รถยนต์สัญชาติอเมริกันส่วนใหญ่เกือบ 80% พึ่งพาชิ้นส่วนรถยนต์ที่นำเข้าจากอเมริกาเหนือ และผลิตภัณฑ์เฉพาะอย่างเช่นถุงลมนิรภัยและเข็มขัดนิรภัยเกือบครึ่งหนึ่งมาจากแคนาดาและเม็กซิโก  นอกจากนี้ รถยนต์ประกอบแล้วครึ่งหนึ่งในสหรัฐนำเข้ามาจากทั้งสองประเทศ

นิโคล กอร์ตัน-คาราเทลลี จาก Bloomberg Economics รายงานว่าการที่สหรัฐเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตของสหรัฐเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการผลิตของสหรัฐ 

  • ตลาดเสื้อผ้าแฟชัน

ภาษีนำเข้าใหม่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดเสื้อผ้าในสหรัฐ  เนื่องจากจีนเป็นผู้ส่งออกเครื่องแต่งกายรายใหญ่ คิดเป็นเกือบ 30% ของการนำเข้าเสื้อผ้าทั้งหมดของสหรัฐ 

Bloomberg Intelligence คาดการณ์ว่าราคาเสื้อผ้าอาจปรับตัวสูงขึ้นถึง 2% โดยเฉพาะแบรนด์ที่พึ่งพาซัพพลายเออร์จากเอเชียเป็นหลัก เช่น Aritzia Inc. และ Tommy Bahama ทั้งนี้ บริษัทบางแห่งเริ่มปรับตัวรับมือ อย่างเช่น Steven Madden Ltd. ที่วางแผนลดการผลิตสินค้าในจีนลง 40% ภายในหนึ่งปี

5 อันดับสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจาก 3 ประเทศ

มาตรการขึ้นภาษีครั้งนี้เป็นการตอบโต้จากประธานาธิบดีทรัมป์ต่อความล้มเหลวของทั้งสามประเทศในการควบคุมการอพยพที่ผิดกฎหมายและการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐ  

  • เม็กซิโก 

‘ทรัมป์’ เก็บภาษี 3 ประเทศ ดันสินค้า 4 กลุ่มแพงขึ้น ทำชาวมะกันรับภาระเพิ่ม ตามมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกของสหรัฐ 5 อันดับแรก  ได้แก่ รถยนต์ รถบรรทุก รถโดยสาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

  • แคนาดา

‘ทรัมป์’ เก็บภาษี 3 ประเทศ ดันสินค้า 4 กลุ่มแพงขึ้น ทำชาวมะกันรับภาระเพิ่ม

สินค้าที่นำเข้าจากแคนาดาส่วนใหญ่เป็นน้ำมันและรถยนต์ รวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์ บ็อกไซต์ และอลูมิเนียม เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่าการนำเข้าพลังงานจากแคนาดา ซึ่งรวมถึงน้ำมันและไฟฟ้า จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 25% และจะถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 10% แทน โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวให้เหตุผลว่า มาตรการนี้มีจุดประสงค์เพื่อลดแรงกดดันต่อราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันสำหรับทำความร้อนในบ้านไม่ให้สูงขึ้น

  • จีน

‘ทรัมป์’ เก็บภาษี 3 ประเทศ ดันสินค้า 4 กลุ่มแพงขึ้น ทำชาวมะกันรับภาระเพิ่ม

ตามมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากจีนของสหรัฐ 5 อันดับแรก  ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และของเล่น