‘ภาษีทรัมป์’ สะเทือนวงการยานยนต์โลก ต้นทุนรถอาจพุ่งขึ้น 2 แสนบาท

‘ภาษีทรัมป์’ สะเทือนวงการยานยนต์โลก ต้นทุนรถอาจพุ่งขึ้น 2 แสนบาท

‘ภาษีทรัมป์’ 25% ส่อสั่นสะเทือนวงการยานยนต์โลก โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือที่การผลิตรถมีความเชื่อมโยงกันอย่างแน่นแฟ้น ขณะที่ผู้บริโภคก็อาจต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นจากราคาขายรถที่สูงขึ้น

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ภาษีศุลกากร 25% ของรัฐบาลทรัมป์ต่อสินค้าจาก “แคนาดา” และ “เม็กซิโก” รวมถึงภาษีเพิ่มเติมอีก 10% สำหรับสินค้าจาก “จีน” จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกอย่างรุนแรง

ก่อนหน้านั้น เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่ผู้ผลิตรถยนต์ใช้แนวทาง “รอดูสถานการณ์” ของภาษีรัฐบาลทรัมป์ไปก่อน แต่ช่วงเวลาการรอนั้น “สิ้นสุดลงแล้ว” ผู้ผลิตรถยนต์อาจต้องดำเนินมาตรการรับมือที่วางแผนไว้ล่วงหน้า เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า

ทั้งนี้ ภาษีทรัมป์ที่กำหนดต่อเม็กซิโกอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์มากที่สุด รองลงมาคือ แคนาดา และตามด้วยจีน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตรถยนต์แต่ละราย

ด้านชอว์น เฟน ประธานสหภาพแรงงานยานยนต์แห่งสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า “มาตรการภาษีใด ๆ จะต้องตามมาด้วยการเจรจารอบใหม่ของ [ข้อตกลงสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา] และการทบทวนระบบการค้าธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับชนชั้นแรงงานทั้งในสหรัฐและทั่วโลก” 

สำหรับ General Motors และผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่รายอื่นไม่ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาษีทรัมป์ ขณะที่บางบริษัท เช่น Ford ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น 

ส่วน Honda ได้ออกแถลงการณ์อย่างกว้าง ๆ ว่า “การค้ารถยนต์ในอเมริกาเหนือ เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของฮอนด้าทั่วโลก และเราหวังว่าจะได้เห็นการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็ว ซึ่งจะสร้างความชัดเจนและความมั่นคงในภูมิภาคนี้”

แม้ว่าผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ส่วนใหญ่มีโรงงานในสหรัฐ แต่พวกเขายังคงพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ รวมถึงเม็กซิโกอย่างมาก เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในสหรัฐ ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เกือบทุกแห่งที่ดำเนินงานในสหรัฐ มีโรงงานอย่างน้อย 1 แห่งในเม็กซิโก รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ 6 รายที่มียอดขายสูงสุด ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 70% ของยอดขายในสหรัฐในปี 2024

สำหรับ “ภาษีศุลกากร” คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าหรือสินค้าจากต่างประเทศที่นำเข้าสู่สหรัฐ บริษัทที่นำเข้าสินค้าจะต้องจ่ายภาษีเหล่านี้ และบางคนกังวลว่า บริษัทเหล่านั้นอาจจะส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภค จนทำให้ราคารถยนต์สูงขึ้นและอาจทำให้ความต้องการลดลง

ภาษีศุลกากรอาจมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก และอาจลดรายได้ของบริษัทต่าง ๆ เช่น GM ซึ่งมีการดำเนินงานการผลิตขนาดใหญ่ในอเมริกาเหนือ

“ไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าใด อัตราภาษีศุลกากรแบบเหมา ย่อมส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์” S&P Global Mobility ระบุในรายงานประจำสัปดาห์นี้ “แทบจะไม่มี [ผู้ผลิตรถยนต์] หรือซัพพลายเออร์รายใดที่ดำเนินงานในอเมริกาเหนือ จะรอดพ้นจากผลกระทบนี้ได้”

ตามข้อมูลจากกรมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า “อุตสาหกรรมยานยนต์” มีความเชื่อมโยงระหว่างประเทศกันอย่างแน่นแฟ้น โดยเม็กซิโกนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์จากสหรัฐถึง 49.4% ของทั้งหมด ในทางกลับกัน เม็กซิโกส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตได้ถึง 86.9% ไปยังสหรัฐ 

ด้านธนาคาร Wells Fargo ประมาณการว่า อัตราภาษีศุลกากร 25% ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา จะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิมของดีทรอยต์สูญเสียรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี โดยผลกระทบของอัตราภาษีศุลกากร 5%, 10% และ 25% ต่อ GM, Ford Motor และ Stellantis จะรวมกันเป็น 13,000 ล้านดอลลาร์, 25,000 ล้านดอลลาร์ และ 56,000 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ

ขณะที่ S&P Global Mobility ประมาณการว่า ภาษีศุลกากร 25% ที่เรียกเก็บจากรถยนต์มูลค่า 25,000 ดอลลาร์ที่นำเข้าจากแคนาดาหรือเม็กซิโก จะเพิ่มต้นทุนอีก 6,250 ดอลลาร์หรือราว 210,000 บาท ซึ่งบางส่วนหรืออาจจะทั้งหมด อาจถูกโอนไปยังผู้บริโภค

อ้างอิง: cnbc