'แคนาดา' ไม่ยอมเกมกดดันทรัมป์ ขึ้นภาษีตอบโต้กลับ 25% อังคารหน้า

นายกฯ แคนาดาลั่นเตรียมขึ้นภาษีตอบโต้กลับสหรัฐ 25% มีผลวันเดียวกัน 4 กุมภาพันธ์ ล็อตแรกเป็นกลุ่มสินค้ามูลค่า 7 แสนล้านบาท ล็อตหลังจะตามมาปลายเดือนตั้งแต่เหล็กกล้า อะลูมิเนียม จนถึงรถยนต์ ย้ำสหรัฐควรทรีตแคนาดาเป็นมิตร ไม่ใช่ศัตรู
ภายหลังจากที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งบริหารขึ้นภาษี "แคนาดา-เม็กซิโก" 25% โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. นั้น ล่าสุด นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ได้แถลงตอบโต้ภายในวันเดียวกันทันที ประกาศเตรียมจะขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐ 25% กับสินค้านำเข้าเกือบทุกประเภท ซึ่งรวมถึงสินค้าในกลุ่มพลังงานด้วย
ทรูโด กล่าวในคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นที่อาคารรัฐสภา ว่า การกระทำของทรัมป์ทำให้รัฐบาลของเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบโต้คืน แคนาดาจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมูลค่า 1.55 แสนล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 3.6 ล้านล้านบาท) ในอัตรา 25% เริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ เช่นเดียวกัน
"ในระยะแรก" แคนาดาจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดาก่อน (ราว 7 แสนล้านบาท) ในกลุ่มสินค้าที่รวมถึง "น้ำส้ม เนยถั่ว ไวน์ กาแฟ รถจักรยานยนต์ และเครื่องสำอาง" ส่วนสินค้าที่ผลิตในสหรัฐจำนวนมากขึ้น เช่น รถยนต์และรถบรรทุก เหล็ก อลูมิเนียม เนื้อวัวและเรือ เป็นต้น จะถูกจัดเก็บภาษีในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากมีการปรึกษาหารือกันเป็นเวลา 21 วัน
ทรูโดกล่าวว่า เขาต้องการพูดคุยกับชาวอเมริกันโดยตรง และได้อ้างถึงประวัติศาสตร์ร่วมกันของสองประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรด้านความมั่นคงและการทหารที่ยาวนานร่วมกัน และศึกนอกประเทศที่แคนาดาไปร่วมต่อสู้ด้วย ตั้งแต่สมรภูมิในสงครามโลก สงครามเกาหลี จนถึงสงครามต่อต้านการก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน
“ตั้งแต่ชายหาดนอร์มังดีไปจนถึงภูเขาบนคาบสมุทรเกาหลี จากทุ่งนาในแฟลนเดอร์สไปจนถึงถนนในกันดาฮาร์ พวกเราต่อสู้และตายเคียงข้างคุณในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของคุณ”
“ใช่ เราเคยมีความแตกต่างกันในอดีต แต่พวกเราก็มักจะพบหนทางที่จะก้าวข้ามมันไปได้เสมอ อย่างที่ผมเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ หากประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการนำยุคทองใหม่มาสู่อเมริกา หนทางที่ดีกว่าคือการร่วมมือกับแคนาดา ไม่ใช่ลงโทษเรา” ทรูโด กล่าว
'เม็กซิโก' จะโต้กลับด้วยมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี
ทางด้านประธานาธิบดี "คลอเดีย ไชน์บาว์ม" ของเม็กซิโก ได้โพสต์ลงในแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์) ว่า จะใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากรเพื่อตอบโต้สหรัฐ โดยเรียกร้องให้มีการร่วมมือกับสหรัฐในหัวข้อต่างๆ เช่น ความปลอดภัยและการแก้ไขวิกฤตสาธารณสุขจากยาเฟนทานิล
กาเบรียลา ซิลเลอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจของ Grupo Financiero Base กล่าวว่า เศรษฐกิจของเม็กซิโกอาจเข้าสู่ "ภาวะถดถอยรุนแรง" หากภาษีศุลกากรของทรัมป์ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปนานมากกว่า 1 ไตรมาส "หากภาษีศุลกากรยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปอีกหลายเดือน ค่าเงินเปโซของเม็กซิโกอาจอ่อนค่าลงแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์" และกล่าวเสริมว่า ภาษีศุลกากรของสหรัฐอาจทำให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเม็กซิโกหยุดชะงักลง
ทั้งนี้ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันเสาร์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศ "เม็กซิโก" และ "แคนาดา" 25% และขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน "10%" มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ โดยอ้างถึงอำนาจที่เขามีภายใต้พระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศว่า เขาต้องบังคับใช้การเรียกเก็บภาษีดังกล่าว "เนื่องจากภัยคุกคามร้ายแรงจากคนต่างด้าวผิดกฎหมายและยาเสพติดร้ายแรงซึ่งคร่าชีวิตพลเมืองของเรา รวมถึงเฟนทานิลด้วย"
สำหรับทั้งสามประเทศมีมูลค่าการค้าต่อปีกับสหรัฐรวมกันมากถึง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ และติด 1 ใน 10 ประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐมากที่สุด
'จีน' ตอบโต้กลับผ่าน WTO
ทางการ "จีน" ออกแถลงการณ์ล่าสุดในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ. ประกาศจะตอบโต้กลับสหรัฐ แต่ไม่ถึงขั้นกำหนดภาษีศุลกากรแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน โดยกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศยื่นฟ้องสหรัฐต่อองค์การการค้าโลก (WTO) พร้อมประณามการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนว่าเป็น “การละเมิดกฎการค้าระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง” และปักกิ่งจะ “ใช้มาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนเองอย่างมั่นคง” ทว่ายังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุในแถลงการณ์แยกกันว่า “การกำหนดภาษีศุลกากรนั้นไม่สร้างสรรค์ และจะส่งผลและบั่นทอนความร่วมมือในอนาคตระหว่างสองฝ่ายในการควบคุมยาเสพติดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”