‘ทรัมป์ 2.0’ รวยขึ้นเป็น 2 เท่า อาณาจักรโตขึ้นจากคอนเนคชัน ‘ทรัมป์1.0’

‘ทรัมป์ 2.0’ รวยขึ้นเป็น 2 เท่า อาณาจักรโตขึ้นจากคอนเนคชัน ‘ทรัมป์1.0’

‘ทรัมป์ 2.0’ จะรวยขึ้นเป็น 2 เท่า อาณาจักร ‘เดอะทรัมป์ ออร์แกไนเซชั่น’ โตขึ้นจาก ‘ทรัมป์1.0’ ส่งต่อให้ ‘เอริก’ ลูกชายบริหาร พบรายได้จากรีสอร์ท-สนามกอล์ฟพุ่ง 60% ขยายคอนเนคชันไป ’ตะวันออกกลาง’

เมื่อปี 2023 เดอะทรัมป์ ออร์แกไนเซชั่น ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” เผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ โดยถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงทางอาญา และถูกสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งสูงถึง 450 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงด้านการเงินขององค์กรยังถูกจำคุกถึงสองครั้ง

แม้จะเผชิญกับปัญหาทางกฎหมายเหล่านี้ แต่เมื่อทรัมป์กลับมามีบทบาทในทางการเมือง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวเขาก็เริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะสองธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้าสู่การเมือง คือ การให้สิทธิใช้ชื่อ "ทรัมป์" ในต่างประเทศ และการบริหารสนามกอล์ฟและรีสอร์ท ซึ่งทั้งสองธุรกิจนี้มีศักยภาพสูงในการสร้างรายได้และผลกำไร

นักจริยธรรมมองว่า การดำเนินการเช่นนี้เสี่ยงต่อการใช้อิทธิพลโดยมิชอบอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่องค์กรทรัมป์ละทิ้งคำสัญญาเดิมบางส่วนที่ให้ไว้เกี่ยวกับการจำกัดผลประโยชน์ทับซ้อน

บลูมเบิร์กรายงานว่าเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 เขาจะมีทรัพย์สินมากกว่าสองเท่าจากครั้งแรกเข้าสู่ตำแหน่ง จากผลประโยชน์ทางธุรกิจของครอบครัวที่ขยายตัว ท่ามกลางความขัดแย้งที่แทบไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา

“ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลยว่า เรากำลังใช้ชีวิตในช่วงวันที่ดีที่สุดที่องค์กร Trump เคยมีมา” Eric Trump บุตรชายของประธานาธิบดีกล่าว

เดอะ 'ทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน'

ทรัมป์ วัย 78 ปี ก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะหนึ่งในมหาเศรษฐีระดับโลก มีทรัพย์สินสุทธิ 7.2 พันล้านดอลลาร์ ตามดัชนีของ Bloomberg ทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากหุ้นใน Trump Media & Technology Group บริษัทโซเชียลมีเดียที่กลายเป็นหุ้นฮิตซึ่งมีอักษรย่อของเขาเป็นตัวย่อ

ข้อมูลทางการเงินของประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกตั้งหลังปี 2016 สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจครอบครัวอย่างชัดเจน จาก ‘ทรัมป์ 1.0‘

‘ทรัมป์ 2.0’ รวยขึ้นเป็น 2 เท่า อาณาจักรโตขึ้นจากคอนเนคชัน ‘ทรัมป์1.0’

รายได้จากกิจการกอล์ฟและรีสอร์ทเพิ่มขึ้น 60% ระหว่างปี 2016-2023 ซึ่งบริษัทยังขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง อาทิ การให้เช่าแบรนด์ในซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงการทำข้อตกลงอนุญาตสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ในเซอร์เบีย ซึ่งพัฒนาโดย Affinity Partners บริษัทการลงทุนของจาเร็ด คุชเนอร์ ซึ่งเป็นลูกเขยของทรัมป์

ปัจจุบัน เอริก ทรัมป์ เป็นผู้ดูแลหลักขององค์กร ได้ระบุว่าการจัดการหนี้สินเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่สุด 

‘ทรัมป์ 2.0’ รวยขึ้นเป็น 2 เท่า อาณาจักรโตขึ้นจากคอนเนคชัน ‘ทรัมป์1.0’

เพื่อลดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีกับธุรกิจส่วนตัว โดนัลด์ ทรัมป์ได้ตัดสินใจมอบหมายให้ลูกชายบริหารบริษัทและโอนทรัพย์สินส่วนตัวเข้าสู่กองทรัสต์ อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวถูกนักวิจารณ์ตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพในการตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับธุรกิจครอบครัวอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ แผนจริยธรรมฉบับใหม่ขององค์กรทรัมป์ยังได้ปรับเปลี่ยนข้อกำหนดเดิม ทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการทำธุรกิจกับต่างประเทศ แม้ว่าจะมีการจำกัดขอบเขตก็ตาม

องค์กรทรัมป์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากผู้บริหารระดับสูงหลายคนทยอยลาออกจากบริษัท อาทิ อิวานกา ทรัมป์ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ ไมเคิล โคเฮน ผู้ที่ปรึกษาคนสำคัญ และอัลเลน ไวเซลเบิร์ก อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน การลาออกของบุคคลเหล่านี้ส่งผลให้ทีมงานบริหารของทรัมป์เล็กลงอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้ บริษัทยังต้องเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายหลายประการ และถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงภาษี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือขององค์กร

รายได้จากสนามกอล์ฟพุ่ง

องค์กรทรัมป์พึ่งพาอสังหาริมทรัพย์กอล์ฟและรีสอร์ทมากขึ้นกว่า 8 ปีก่อน โดยกระจายตัวในนิวเจอร์ซี ฟลอริดา ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และประเทศอื่นๆ

‘ทรัมป์ 2.0’ รวยขึ้นเป็น 2 เท่า อาณาจักรโตขึ้นจากคอนเนคชัน ‘ทรัมป์1.0’

ในปี 2023 ทรัมป์รายงานรายได้ประมาณ 350 ล้านดอลลาร์จากอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ ซึ่งครอบคลุมรายได้จากการบริการ การขายอาหารและเครื่องดื่ม ห้องพักโรงแรม และค่าบริการออกรอบที่สูงมาก เอริก ทรัมป์กล่าวว่า "ค่าธรรมเนียมการเริ่มต้นของเราสูงอย่างมาก"

Trump National Doral สนามกอล์ฟใกล้ไมอามีสร้างรายได้ 129 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ซึ่งสูงกว่าสนามกอล์ฟอื่นๆ เมื่อเร็วๆ นี้ Trump Organization อนุมัติโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรูหรา 1,500 ยูนิต คาดว่าจะมีมูลค่าลงทุนสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์ 

ในเดือนเมษายน สถานที่แห่งนี้จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน LIV Golf ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทุนการลงทุนสาธารณะของซาอุดีอาระเบีย เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน และเป็นครั้งแรกที่จัดระหว่างที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

ขยายคอนเน็คชันสู่ 'ตะวันออกกลาง’

องค์กรทรัมป์กำลังขยายความสัมพันธ์ในตะวันออกกลางผ่านข้อตกลงให้ใบอนุญาตอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยในภูมิภาคที่มีความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยข้อตกลงใหม่ที่เกิดขึ้นหลังสมัยแรกของทรัมป์ครอบคลุมพื้นที่เจดดาห์ ริยาด และดูไบ

‘ทรัมป์ 2.0’ รวยขึ้นเป็น 2 เท่า อาณาจักรโตขึ้นจากคอนเนคชัน ‘ทรัมป์1.0’

บริษัทของทรัมป์ร่วมมือกับ Dar Global ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระหว่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย เพื่อพัฒนาโครงการชุมชนวิลล่าหรูและสนามกอล์ฟ 18 หลุม ซึ่งกำหนดแล้วเสร็จในปี 2571 โดยทรัมป์รายงานรายได้ 2.5 ล้านดอลลาร์จากโครงการโอมานในการเปิดเผยข้อมูลปี 2566

นอกจากนี้ยังมีการขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อ "ทรัมป์" เพิ่มขึ้นในประเทศอินเดีย โดยมีการอนุญาตให้ใช้ชื่อ "ทรัมป์" ในโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการเชิงพาณิชย์หลายแห่ง อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของข้อตกลงเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจนในเอกสารทางการเงินของประธานาธิบดี

รวมทั้งเอริก ทรัมป์มีความหวังที่จะขยายการร่วมทุนไปยังมัลดีฟส์ อาร์เจนตินา และเมืองหลวงยุโรป เช่น ปารีสและเวียนนา

ธุรกิจโรงแรมของทรัมป์

กิจการโรงแรม ซึ่งเคยเป็นแหล่งรายได้สำคัญของทรัมป์ ทรุดลงนับตั้งแต่วาระแรก ในปี 2023 บริษัทในฮาวายยกเลิกการใช้ชื่อทรัมป์ หลังจากที่บริษัทเดียวกันนี้ได้เลิกใช้ชื่อในปานามาและแคนาดาไปก่อนหน้านี้ (ทั้งที่ทรัมป์เคยเสนอให้สหรัฐฯ ยึดครองคลองปานามาและผนวกแคนาดา หลังจากชนะการเลือกตั้ง)

แผนการขยายเครือโรงแรมระดับกลาง Scion และ American Idea ถูกยกเลิกในปี 2019 โดย Eric Danziger ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งได้เกษียณอายุและลาออกในปี 2022 และได้

โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ใกล้กับทำเนียบขาว ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กลายเป็นศูนย์กลางของข้อกล่าวหาว่าถูกนำมาใช้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก

 กลุ่มตรวจสอบต่าง ๆ ได้ตั้งข้อสังเกตว่ามีการจองห้องพักและจัดงานต่างๆ ภายในโรงแรมดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยมีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการให้สินบนเพื่อเอาใจทรัมป์ นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวหาว่ามีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สูงเกินจริงอีกด้วย แม้จะมีการยื่นฟ้องร้องหลายคดีเพื่อดำเนินคดีกับทรัมป์ในข้อหาละเมิดรัฐธรรมนูญ แต่ในที่สุด ศาลฎีกาก็ได้ตัดสินยกฟ้องคดีเหล่านี้หลังจากที่ทรัมป์พ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีไปแล้ว

อ้างอิง Bloomberg