สื่อต่างชาติมองไทยนำอาเซียน ‘สมรสเท่าเทียม’ เปิดกว้าง-ยอมรับความหลากหลาย

สื่อต่างชาติทำข่าว "สมรสเท่าเทียม" ชมประเทศไทยนำอาเซียนและประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย มองไทยเป็นประเทศเปิดกว้าง ยอมรับความแตกต่าง และความหลากหลายมากขึ้น
บีบีซีเล่นใหญ่ ลงรายงาน ที่มาของ “สมรสเท่าเทียม” ในไทย เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
สำนักข่าวของอังกฤษเผยว่า ประเทศไทยมีชื่อเสียงว่าเป็นประเทศที่เปิดกว้าง ยอมรับเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และกลุ่มทรานส์ และระบุว่า คนไทยเป็นคนสบายๆ ในแทบทุกเรื่อง เห็นได้จากคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ อีกทั้งความเชื่อทางศาสนาพุทธ ซึ่งในไทยมีชาวพุทธราว 90% นั้น ไม่ได้กีดกันวิถีชีวิตของกลุ่มผู้มีหลากหลายทางเพศ นำไปสู่การอนุมัติกฎหมาย “สมรสเท่าเทียม” ในที่สุด
สื่อหนุนสังคมไทยเปิดกว้าง
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ไทยยังไม่มีการยอมรับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศมากนัก และระบุในตำราเรียนฉบับกระทรวงศึกษาธิการว่ากลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเป็น “กลุ่มคนที่มีอาการป่วยทางจิต” แต่อุตสาหกรรมสื่อทำให้สังคมไทยยอมรับกลุ่ม LGBTQIA+ มากขึ้น
"ผศ. ติณณภพจ์ สินสมบูรณ์ทอง" อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยกับบีบีซีว่า คาแร็กเตอร์ LGBT ในละครไทย ตั้งแต่ตัวละครตลกไปจนถึงตัวละครหลักของเรื่อง ช่วยสร้างความแตกต่างให้กับสังคมอย่างมาก
ปัจจุบันสื่อในไทยนำเสนอคาแรกเตอร์ผู้มีความหลากหลายทางเพศจนเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบเห็นได้ในชีวิตจริง เช่น ในที่ทำงาน หรือเพื่อนบ้าน จึงมีส่วนช่วยสร้างการรับรู้และเปลี่ยนแปลงค่านิยมในทุกยุคทุกสมัย รวมถึงซีรี่ส์วายไทย ที่ปัจจุบันกลายเป็นสินค้าวัฒนธรรมส่งออกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของไทย และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในจีน
ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่เห็นความสำคัญและร่วมกันผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายมากขึ้น
นอกจากนี้ กฎหมายสมรสเท่าเทียมที่ได้รับการอนุมัติในรัฐสภาก็มาจากการพัฒนาทางการเมืองในไทยเช่นกัน
ทั้งนี้ ทั่วโลกมีประเทศอนุญาติให้สมรสเพศเดียวกันได้มากกว่า 30 ประเทศแล้ว ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชีย ที่เพศเดียวกันสามารถสมรสได้อย่างถูกกฎหมาย รองจากไต้หวัน และเนปาล และเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีสมรสเท่าเทียม
ด้านซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างอิงข้อมูลจาก เอเชียแปซิฟิก ทรานส์เจนเดอร์ เน็ตเวิร์ก ระบุว่า ไทยมีคนข้ามเพศราว 314,000 คน และสังคมไทยส่วนใหญ่ก็ให้การยอมรับคนกลุ่มนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการศัลยกรรมแปลงเพศเข้าถึงง่าย และมีนักแสดงข้ามเพศที่มีชื่อเสียง อย่างไรก็ตาม คนไทยบางกลุ่มก็ยังไม่เปิดใจรับความหลากหลายมากนัก และผู้มีความหลากหลายทางเพศยังคงเผชิญกับการแบ่งแยกอยู่บ้าง
‘สมรสเท่าเทียม’ หนุนไทยนำ ‘อาเซียน’ ยอมรับความหลากหลาย
บีบีซี ระบุว่า ไทยเป็นประเทศที่แตกต่างจากประเทศอื่นในเอเชียอย่างมาก และมีเพียงไม่กี่ประเทศในภูมิภาคที่จะดำเนินการตาม
สำนักข่าวของอังกฤษ ได้ยกตัวอย่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน ที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มองว่า "สมรสเท่าเทียม" ไม่มีประโยชน์ กลุ่ม LGBTQIA+ ในประเทศข้างต้นยังคงเจอกับการแบ่งแยก และการดำเนินคดี อย่างเช่นในบรูไน ระบุว่า การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชาย-ชาย มีโทษถึงขั้นประหารชีวิต
ในฟิลิปปินส์ มีการยอมรับคู่รัก LGBTQIA+ ที่อยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผยมากขึ้น แต่คริสตจักรโรมันคาธอลิกในประเทศคัดค้านการแต่งงานของเพศเดียวกันอย่างรุนแรง
ส่วนในเวียดนาม ก็เหมือนกับไทย ไม่มีศาสนาหรือหรืออุดมการณ์ใดๆ มาเป็นอุปสรรค แต่การทำแคมเปญเปลี่ยนแปลงกฎหมายเหมือนกับไทยยังทำได้ยากลำบากภายใต้รัฐบาลคอมมิวนิสต์ ในประเทศจีนก็เช่นกัน ตราบใดที่พรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองประเทศยังไม่รับรองการสมรสเท่าเทียม (ซึ่งพรรคเองไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะทำ) กฎหมายนี้ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
แม้แต่ประเทศประชาธิปไตยอย่างญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่เป็นฝ่ายอนุรักษนิยมและมีชายสูงวัยเป็นผู้นำประเทศ โอกาสอนุมัติกฎหมายประเภทนี้ก็ยังคงริบหรี่
"แช ยุนฮัน" ผู้อำนวยการมูลนิธิ Beyond the Rainbow ในเกาหลีใต้บอกว่า ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะชาวคริสเตียนหัวอนุรักษนิยมที่คัดขวางความก้าวหน้าด้านนี้ และนักการเมืองส่วนใหญ่ในพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลฝ่ายอนุรักษนิยม ก็นับถือศาสนาคริสต์ และตีกรอบสมรสเท่าเทียมว่าเป็นวาระของฝ่ายซ้าย ซึ่งอ้างว่าอาจเปิดให้สังคมถูกครอบงำโดยฝ่ายซ้ายหรือคอมมิวนิสต์
อินเดียเองก็เกือบได้อนุมัติกฎหมายสมรสเท่าเทียมในปี 2566 แต่การตัดสินอยู่ในอำนาจของศาลฎีกา และผู้พิพากษาปฏิเสธ โดยอ้างว่าขึ้นอยู่กับรัฐสภา
บีบีซีระบุ ไทยคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเป็นผู้บุกเบิก การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในไม่กี่โอกาสทางเศรษฐกิจของไทยที่ไปได้ดีในช่วงการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 และประเทศดูมีความปลอดภัยและเป็นจุดหมายปลายทางที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIA+
นอกจากนี้ คู่รักเพศเดียวกันจากประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ก็มีแผนจะอาศัยอยู่ในไทยมากขึ้นด้วย