จีนในยุค ‘ทรัมป์ 2.0’ อาจถูกใช้ปัญหาเศรษฐกิจต่อรองการค้า

จีนในยุค ‘ทรัมป์ 2.0’ อาจถูกใช้ปัญหาเศรษฐกิจต่อรองการค้า จับตานโยบายทรัมป์เปลี่ยนได้ทุกเมื่อถ้าสหรัฐได้ประโยชน์ มองโอกาส ‘อาเซียน’ เสนอตัวสานสัมพันธ์สหรัฐเมื่อพันธมิตร 3 เหลี่ยมเหล็กสั่นคลอน
รศ. ดร.วาสนา วงศ์สุรวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ตั้งคำถามต่อนโยบายของประธานาธิบดี “โดนัล ทรัมป์” ในงาน Geopolitic 2025 Trump 2.0 The Global Shakeup ว่าจะทำจริงหรือไม่ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงเมื่อนโยบายเหล่านั้นสนับสนุนผลประโยชน์ของทรัมป์และสหรัฐ
แนวคิดของทรัมป์แตกต่างจากอดีตประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” เพราะมีความเชื่อว่าภัยคุกคามสูงสูดของประเทศคือ “จีน” ไม่ใช่ "รัสเซีย” ทำให้แนวโน้มสหรัฐหันกลับมาหาความร่วมมือกับภูมิภาคเอเชียมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสให้รัฐบาลไทยและกลุ่มธุรกิจในภูมิภาคนี้มีข้อต่อรองกับสหรัฐมากขึ้น
รวมทั้งนโยบายของพรรคเดโมแครตในยุคนี้ ไม่มีท่าทีที่ชัดเจนต่อเหตุการณ์ในทะเลจีนใต้ และไม่ให้คำมั่นอย่างชัดเจนว่าจะเข้าช่วยฟิลิปปินส์เมื่อไหร่
หากย้อนดูสัมพันธ์ทางการค้าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไทยได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐและเสียดุลการค้าจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยต้องปรับสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจัน และไทยกับสหรัฐให้มีความเท่าเทียมกัน
จีนในยุค ‘ทรัมป์ 2.0’
“ถ้าเศรษฐกิจจีนพังคนที่แย่เจ็บที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา ดังนั้นก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อสหรัฐอเมริกาถ้าหากจะสู้กันถึงตาย”
สำหรับจีนในยุคทรัมป์ 2.0 เรียกได้ว่าจีนไม่เหมือนเดิม ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจในตอนนี้ ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ค่าเงินหยวนที่ยังไม่เห็นแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ในอนาคตอันใกล้ ดังนั้นทรัมป์อาจนำเอาสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศเอามาใช้เป็นข้อต่อรองกับ “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีของจีนได้
อาเซียนคว้าโอกาส เมื่อ '3 เหลี่ยมเหล็ก' สั่นคลอน
อีกประเด็นที่ทรัมป์ควรจับตา คือ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือที่เรียกว่า “3 เหลี่ยมเหล็ก” กำลังสั่นคลอนอย่างเห็นได้ชัด นำโดยเกาหลีใต้ที่กำลังเกิดวิกฤติทางการเมือง และความผันผวนของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งหากยุน ซอกยอลพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและฝ่ายค้านเกาหลีใต้ รวมถึงนายกญี่ปุ่นคนปัจจุบันเอนเอียงมาจากจีนมากขึ้นกว่าเดิม
ความสัมพันธ์ของ 3 เหลี่ยมเหล็กที่กำลังสั่นคลอน อาจเป็นโอกาสให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าไปพัฒนาความสัมพันธ์กับสหรัฐ เนื่องจากสหรัฐมองจีนเป็นคู่แข่งคนสำคัญ ดังนั้นถ้าสหรัฐจะแข่งกับจีนก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพึ่งพาพันธมิตรในภูมิภาคนี้ และถ้าหากพันธมิตรที่สำคัญในภูมิภาคนี้อยากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือมีความสั่นคลอน อาจเป็นโอกาสที่อาเซียนแสดงตัวขึ้นมา
อย่างไรก็ดี ต้องย้อนกลับมาดูนโยบายในภาพรวมของรัฐบาลว่ารัฐบาลไทยบาลานซ์ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนเหมาะสมหรือไม่