หาน เจิ้ง รองปธน.จีน คุยอะไรกับ อีลอน มัสก์ ก่อนทรัมป์กลับสู่ทำเนียบขาว ?

หาน เจิ้ง รองปธน.จีน คุยอะไรกับ อีลอน มัสก์ ก่อนทรัมป์กลับสู่ทำเนียบขาว ?

หาน เจิ้ง รองปธน.จีน เดินหน้าพบปะผู้นำธุรกิจสหรัฐ นำโดยอีลอน มัสก์ พร้อมผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ ย้ำจีนยินดีต้อนรับการลงทุนจากสหรัฐ ขณะที่ปักกิ่งจับตาการกลับมาของทรัมป์อย่างระมัดระวัง หลังสงครามการค้าในสมัยแรกสร้างความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจ

อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะสาบานตนกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้งในรอบ 4 ปี หนึ่งสิ่งที่นักวิชาการส่วนหนึ่งให้ความสนใจคือท่าทีของทางการจีนกับการกลับมาสู่ตำแหน่งครั้งนี้ของ ทรัมป์

อย่างล่าสุด สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า “หาน เจิ้ง” รองประธานาธิบดีจีน เข้าไปพูดคุยกับ “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีเจ้าของเทสล่าและกลุ่มนักธุรกิจอีกจำนวนหนึ่ง

ท่าทีครั้งนี้ของจีนสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้าง “บรรยากาศเชิงบวก” ในความสัมพันธ์กับสหรัฐก่อนที่ว่าดีที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับเข้ารับตำแหน่ง

สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า หาน กล่าวระหว่างการพบปะกับมัสก์และนักธุรกิจที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นซีอีโอของเทสลาและสมาชิกของคณะบริหารชุดใหม่ของทรัมป์ว่า จีนยังคงให้การสนับสนุนบริษัทของสหรัฐเหมือนเดิมและอยากให้บริษัทสหรัฐรวมถึงเทสล่าคว้าโอกาสนี้ไว้ รวมทั้งแบ่งปันผลประโยชน์จากการพัฒนาของจีน และมีส่วนร่วมใหม่ๆ และยิ่งใหญ่ขึ้นในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ

ทั้งนี้ หากกล่าวถึงบทบาทของหาน บลูมเบิร์ก รายงานว่า เขาไม่ได้นั่งเก้าอี้ใดๆใน คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ และมีบทบาทที่เป็นเพียง “ตำแหน่งตามพิธีการ” เท่านั้น ซึ่งในครั้งนี้หานเดินทางไปที่กรุงวอชิงตันดีซีเพื่อร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์

ปัจจุบัน นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่าจีนกำลังจับตาการกลับมาของทรัมป์อย่างระมัดระวัง หลังจากที่ทรัมป์สร้างความเปลี่ยนแปลงของสมรภูมิการค้าโลกจากการริเริ่ม “สงครามการค้า” ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกสั่นคลอน

หาน เจิ้ง รองปธน.จีน คุยอะไรกับ อีลอน มัสก์ ก่อนทรัมป์กลับสู่ทำเนียบขาว ?

 

ความกังวลในครั้งนี้คือความตึงเครียดเหล่านั้นอาจเกิดขึ้นซ้ำ เนื่องจากทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเนื่องจากแนวทางการค้าที่แตกต่างและประเด็นอื่นๆ เช่น จีนมียอดเกินดุลการค้าสูงถึงเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา

ด้าน แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า หานยังได้พบกับรองประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกตั้ง เจดี แวนซ์ เมื่อวันอาทิตย์เพื่อหารือเกี่ยวกับยาเฟนทานิลและการค้า ในการพบปะครั้งนั้น หานกล่าวว่าแม้ทั้งสองฝ่ายจะมีความแตกต่างกัน แต่ยังมีพื้นที่อีกมากที่สามารถร่วมมือกันได้และควรเสริมสร้างการเจรจา

เมื่อวันศุกร์ ทรัมป์และ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์เกี่ยวกับการค้า TikTok และยาเฟนทานิล ทรัมป์เขียนในโพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขาว่า "การโทรครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างมากทั้งต่อจีนและสหรัฐ"

ด้านสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีนรายงานว่า แม้สีจะเชื่อว่าความแตกต่างกับสหรัฐเป็นสิ่ง "หลีกเลี่ยงไม่ได้" แต่ทั้งสองประเทศสามารถทำงานร่วมกันในฐานะหุ้นส่วนและมิตรได้

บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ในการเจรจาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นอกจากมัสก์แล้ว ยังมีผู้บริหารบริษัทอีกจำนวนมากเช่น FedEx Corp., Broadcom Corp., Las Vegas Sands Corp. และ Visa Inc. และการประชุมมีขึ้นทั้งหมดประมาณ 90 นาทีและเป็นไปด้วยดี แต่ไม่มีข้อตกลงที่เป็นรูปธรรม

หนึ่งในผู้ร่วมประชุมให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก ว่า การประชุมครั้งนี้ยังเป็นโอกาสให้หานได้ทำความรู้จักกับธุรกิจอเมริกันและเข้าใจข้อกังวลของพวกเขา

เพื่อเน้นย้ำการผลักดันของจีนที่ต้องการให้การปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาลทรัมป์เริ่มต้นอย่างราบรื่น ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สื่อของรัฐจีนได้ตีพิมพ์บทความที่แสดงความหวังในแง่บวก

การสนทนาระหว่างสีและทรัมป์ "ได้เพิ่มความมั่นใจในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นและการเริ่มต้นที่ดีในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ" หนังสือพิมพ์ People's Daily ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวในคอลัมน์เมื่อวันอาทิตย์

"ในขณะที่จีนและสหรัฐ กำลังไล่ตามความฝันของตัวเองและมุ่งมั่นที่จะสร้างชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับประชาชนในประเทศ เราต้องการให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มั่นคง มีสุขภาพดี และยั่งยืน" หนังสือพิมพ์กล่าว โดยคอลัมน์ดังกล่าวเขียนภายใต้นามปากกา จง เซิง ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ที่มักแสดงมุมมองด้านนโยบายต่างประเทศของปักกิ่ง

นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ Global Times เผยแพร่บทบรรณาธิการวันนี้ว่า ทั้วโลกต่างคาดหวัง "การเริ่มต้นที่ดี" ของความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสอง

"ตอนนี้ ก่อนวาระใหม่ของประธานาธิบดีสหรัฐ ได้มีการแลกเปลี่ยนเชิงบวกระหว่างจีนและสหรัฐรอบหนึ่งแล้ว" หนังสือพิมพ์กล่าว "เราหวังว่าจะมีความก้าวหน้ามากขึ้น ณ จุดเริ่มต้นใหม่ในความสัมพันธ์นี้”

อ้างอิง: Bloomberg