'สรุป' การตอบคำถามในสภาของว่าที่ รมว.คลังสหรัฐ 'สก็อต เบสเซนต์'

'สรุป' การตอบคำถามในสภาของว่าที่ รมว.คลังสหรัฐ 'สก็อต เบสเซนต์'

เปิดมุมมองเศรษฐกิจว่าที่ รมว.คลังสหรัฐคนใหม่ 'สก็อต เบสเซนต์' ขณะรับการพิจารณายืนยันตำแหน่งจากวุฒิสภาสหรัฐ ย้ำสหรัฐกำลังจะเข้าสู่ ‘ยุคทองใหม่ทางเศรษฐกิจ’ ตอบทุกคำถามตั้งแต่ 'ค่าเงินดอลลาร์' ไปจนถึง 'สกุลเงินดิจิทัล' และการ 'คว่ำบาตรรัสเซีย'

ในสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก่อนจะเปิดฉากใหม่สู่ยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.68 ตามเวลาในสหรัฐ วุฒิสภาสหรัฐได้เริ่มกระบวนการพิจารณารับรองตำแหน่งสำคัญๆ ในรัฐบาลใหม่ไปแล้วหลายคน หนึ่งในนั้นคือ "สก็อต เบสเซนต์" (Scott Bessent) ว่าที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐ

เส้นทางของเบสเซนต์แทบไม่ต่างจากขุนคลังคนเก่าของทรัมป์ในยุคทรัมป์ 1.0 อย่าง สตีเวน มนูชิน ที่ทั้งคู่เป็นมหาเศรษฐีมาจากสายกองทุน "เฮดจ์ฟันด์" และยังเคยทำงานกับพ่อมดการเงินคนดังอย่าง "จอร์จ โซรอส" ด้วยกันทั้งคู่ด้วย 

สำหรับมุมมองต่อประเด็นต่างๆ ทางเศรษฐกิจที่เบสเซนต์ขึ้นให้การต่อวุฒิสภา ระหว่างการพิจารณารับรองตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล เบสเซนต์ย้ำว่าเขาต้องการเป็นหัวเรือใหญ่คุมวาระเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ที่จะเป็น "ยุคทองใหม่ทางเศรษฐกิจ" โดยอาจแบ่งได้เป็นหัวข้อหลักๆ โดยมีไฮไลต์สำคัญที่เขาได้พูดเอาไว้ในสภา ดังนี้

  • ปกป้อง "ค่าเงินดอลลาร์" ในฐานะทุนสำรองโลก
  • นโยบายของทรัมป์จะไม่ทำให้เกิด "เงินเฟ้อ"
  • จะยกเลิก "เพดานหนี้"
  • กำลังจะมีการ "คว่ำบาตรรัสเซีย" ที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น 
  • ย้ำว่าทรัมป์จะไม่แตะต้อง "กองทุนประกันสังคม"
  • เชื่อใน "ความเป็นอิสระ" ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
  • สหรัฐ 'ไม่จำเป็นต้องมี' สกุลเงินดิจิทัล

\'สรุป\' การตอบคำถามในสภาของว่าที่ รมว.คลังสหรัฐ \'สก็อต เบสเซนต์\'

'ดอลลาร์' ต้องเป็นเงินสำรองของโลกต่อ

ว่าที่ขุนคลังสหรัฐให้คำมั่นว่าจะปกป้อง "ห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐ" และ "ค่าเงินดอลลาร์" และแม้จะไม่พูดถึงเรื่องภาษีศุลกากร แต่เบสเซนต์ก็ยึดมั่นการผลักดันนโยบายที่เข้มแข็งเมื่อต้องปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐในต่างประเทศ

“เราต้องรักษาความปลอดภัยให้กับห่วงโซ่อุปทานของเราที่เสี่ยงต่อคู่แข่งเชิงกลยุทธ์ และเราต้องใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างระมัดระวังเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางแบบองค์รวมของรัฐบาล เพื่อปกป้องเรื่องความมั่นคงแห่งชาติของเรา และที่สำคัญเราต้องทำให้มั่นใจว่า เงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก” เบสเซนต์ กล่าว

สหรัฐ 'ไม่จำเป็นต้องมี' สกุลเงินดิจิทัล

แม้ว่าทรัมป์จะมีแนวทางสนับสนุนคริปโทเคอร์เรนซี และเคยกล่าวว่า ต้องการให้สหรัฐเป็นเมืองหลวงของคริปโทเคอร์เรนซีโลก แต่สำหรับมุมมองต่อการออกสกุลเงินดิจิทัลของประเทศผ่านทางธนาคารกลาง หรือ Central Bank Digital Currency (CBDC) นั้นอาจต่างออกไป 

เบสเซนต์ กล่าวว่า เขาไม่คิดว่ากระทรวงการคลังจะต้องพิจารณาเรื่องการสร้างสกุลเงินดิจิทัลของสหรัฐต่อ ซึ่งนี่อาจเป็นการเปลี่ยนทิศทางไปจากยุคของไบเดน ที่มีการลงนามคำสั่งบริหารออกมาเมื่อปี 2022 ให้รัฐบาลวิจัยเรื่องการออก CBDC อย่างจริงจัง

"ผมไม่เห็นเหตุผลที่สหรัฐจะต้องมีสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง ในความคิดของผม  CBDC มีไว้สำหรับประเทศที่ไม่มีทางเลือกในการลงทุนอื่น” เบสเซนต์ กล่าว และเสริมว่าสกุลเงินดิจิทัลมีความเหมาะสมมากกว่ากับประเทศที่มักจะถือสกุลเงินต่างประเทศอื่นๆ เช่น เงินหยวนของจีน

"หากคุณถือเงินดอลลาร์สหรัฐ คุณก็สามารถถือครองสินทรัพย์อื่นๆ ที่หลากหลาย และมีความปลอดภัยมากของสหรัฐได้" เบสเซนต์ กล่าว

ลุยยกเลิก 'เพดานหนี้'

ประเด็นเรื่องเพดานหนี้ (debt ceiling) เคยมีข่าวออกมาในช่วงที่สภาคองเกรสขยายเวลางบประมาณชั่วคราวเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ทางการคลังว่า ทรัมป์กำลังพยายามบีบให้ สส. และ สว. อนุมัติการยกเลิกเพดานหนี้ เนื่องจากไม่ต้องการให้รัฐบาลของตัวเองต้องติดหล่มภาวะชัตดาวน์บ่อยๆ จากการต่อรองทางการเมือง 
 
ล่าสุดเบสเซนต์ได้ตอบคำถาม สว. เอลิซาเบธ วอร์เรน จากพรรคเดโมแครตในเรื่องนี้ว่า เขามีความเห็นเปิดกว้างต่อเรื่องการยกเลิกเพดานหนี้ “เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง และหากผมได้รับการยืนยันตำแหน่ง รมว.คลัง หากเขาต้องการยกเลิกเพดานหนี้ ผมก็จะทำงานร่วมกับเขา และคุณในเรื่องนี้” เบสเซนต์ กล่าว

ต่ออายุ 'ลดภาษี' คือเรื่องเร่งด่วน

เบสเซนท์ กล่าวว่า การขยายอายุมาตรการลดหย่อนภาษี ที่มีมาตั้งแต่สมัยการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ในสมัยแรก จะเป็นวาระสำคัญทางเศรษฐกิจอันดับต้นๆ สำหรับรัฐบาลชุดใหม่

“นี่เป็นประเด็นเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในวันนี้” เบสเซนต์ กล่าวขณะตอบคำถามเรื่องการต่ออายุกฎหมายลดหย่อนภาษี และการจ้างงานปี 2017 

“นี่คือ การตัดเกรดสำคัญ หากเราไม่จัดการเรื่องการลดหย่อนภาษี หากเราไม่ต่ออายุ และขยายเวลา เราจะเผชิญกับหายนะทางเศรษฐกิจ และอีกเช่นเคย ความไร้เสถียรภาพทางการเงินจะตกอยู่กับชนชั้นกลาง และชนชั้นแรงงาน”

อาจมี 'ภาษีคาร์บอน' ในกลยุทธ์ภาษีศุลกากร

เบสเซนต์ กล่าวว่า เขามีความสนใจที่ "อาจจะดำเนินการภาษีศุลกากรกับการปล่อยคาร์บอน" 

"เป็นแนวคิดที่น่าสนใจมาก ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมภาษีศุลกากรทั้งหมด ตอนนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่หากได้รับการยืนยัน ผมหวังว่าจะได้ร่วมงานกับพวกเขาในการวางกลยุทธ์ต่างๆ ซึ่งบางกลยุทธ์อาจมุ่งเป้าไปที่การปล่อยก๊าซคาร์บอนโดยเฉพาะ" เบสเซนต์ กล่าว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์