นายกฯ อังกฤษ เล็งสร้าง ‘ฮับดาต้า’ หวังเป็นผู้นำโลกด้าน AI ยกระดับชีวิตประชาชน

เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมเปิดเผยแผน 50 ประการ เปลี่ยนสหราชอาณาจักรเป็นผู้นำโลกด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และเปิดทศวรรษแห่งการฟื้นฟูชาติ ที่กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง
กระทรวงวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และเทคโนโลยี และสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษ แถลงร่วมกันเมื่อวันอาทิตย์ (12 ม.ค.68) ว่า แผน AI Opportunities Action ที่เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกฯ อังกฤษเตรียมกล่าวสรุปในวันนี้ จะเป็นการสร้างโซนเพื่อการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) โดยเฉพาะ เพื่อ “เร่งการเติบโตแบบเทอร์โบ” และ “ยกระดับมาตรฐานการครองชีพ”
โซนเพื่อการเติบโตของเอไอที่จะสร้างขึ้นในเขตคัลแฮม เมืองออกซ์ฟอร์ดเชียร์ จะมีการอนุมัติแผนสร้างศูนย์ข้อมูลอย่างเร็วที่สุด และให้สามารถเข้าถึงโครงข่ายพลังงานได้ง่ายขึ้น
แผนดังกล่าวที่นำข้อเสนอ 50 ประการจาก “แมตต์ คลิฟฟอร์ด” นักลงทุนร่วมทุน (venture capitalist) มาปรับใช้ในรายงานที่รัฐบาลพรรคแรงงานมอบหมายเมื่อปีที่แล้วนั้น มีการเสนอเพิ่มขีดความสามารถการประมวลผลเอไอของรัฐ 20 เท่า และให้มีการจัดตั้งห้องสมุดข้อมูลแห่งชาติ และสภาพพลังงาน AI โดยเฉพาะ
“ปัญญาประดิษฐ์จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอันน่าเหลือเชื่อให้กับประเทศเรา ตั้งแต่การปรับปรุงเนื้อหาในชั้นเรียน ไปจนถึงการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กด้วยการบันทึกข้อมูล เราจะเร่งสนับสนุนการปรับใช้แผน แผนนี้มีศักยภาพพลิกโฉมชีวิตคนวัยทำงาน” สตาร์เมอร์ กล่าว และย้ำว่า “อุตสาหกรรมเอไอต้องการรัฐบาลอยู่เคียงข้าง ไม่นิ่งเฉย และปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป และด้วยโลกที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด เราไม่สามารถอยู่เฉยได้”
การประกาศของสตาร์เมอร์มีขึ้น ขณะที่รัฐบาลพรรคแรงงานสูญเสียการสนับสนุนไปมาก หลังจากบริหารประเทศมา 6 เดือน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจซบเซา
ทั้งนี้ รัฐบาลสตาร์เมอร์คาดว่า เอไออาจสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ 47,000 ล้านปอนด์ต่อในช่วง 10 ปีข้างหน้า เมื่ออิงจากการวิเคราะห์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่พบว่า เทคโนโลยีสามาถรกระตุ้นผลผลิตได้มากสุด 1.5% ต่อปี
ปัจจุบันสหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่มีความสามารถด้านเอไออันดับที่ 3 ของโลก รองจากจีน และสหรัฐ ตามข้อมูลของ 2023 Global AI Vibrancy Ranking จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
“แผนของเราจะทำให้อังกฤษเป็นผู้นำโลก อุตสาหกรรมจะได้รับทุนที่จำเป็น และจะเร่งจัดทำแผนเพื่อการเปลี่ยนแปลง นั่นหมายความว่า จะมีการจ้างงาน และมีการลงทุนมากขึ้นในอังกฤษ เงินจะเข้ากระเป๋าประชาชนมากขึ้น และพลิกโฉมบริการสาธารณะ นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงที่รัฐบาลนำมาให้” นายกฯ อังกฤษ ย้ำ
อย่างไรก็ตาม อัลจาซีรา รายงานว่า เศรษฐกิจอังกฤษเติบโตเพียง 0% ในระหว่างไตรมาสสามปี 2567 สร้างความกังวลว่าประเทศอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ครั้งที่ 2 ในรอบปี
อ้างอิง: Al Jazeera
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์