Lunch Talk กับ 'มาริษ เสงี่ยมพงษ์' ริเริ่มเจรจาแก้วิกฤติเมียนมา ‘ไม่ใช่ไทยทำไม่ได้’

เป็นธรรมเนียมมาแต่ไหนแต่ไร ขึ้นปีใหม่ทั้งทีก็ต้องไปสวัสดีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพ เมื่อวันที่ 8 ม.ค.กรุงเทพธุรกิจและสื่อในเครือเนชั่น นำทีมโดย ฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป เข้าพบปะพูดคุยและรับประทานอาหาร Lunch Talk กับ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ปีนี้ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ร่วมกับจีน ที่นายกรัฐมนตรีหลี่เฉียงของจีนมาร่วมประชุมด้วย
กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้างประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย และจีน เป็นข้อริเริมของไทยเมื่อปี 2555 ที่ประสงค์จะพัฒนากรอบความร่วมมือในเขตเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง โดยเน้นให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมกระบวนการพัฒนาอาเซียน ซึ่งประเทศสมาชิกได้หารือร่วมกันเกี่ยวกับการพัฒนากรอบความร่วมมือดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และได้ประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1 ในเดือนพฤศจิกายน 2558
อีกหนึ่งงานที่ไทยรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพประจำปี 2568 คือ กรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue: ACD) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2545 โดยการริเริ่มของไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เป็นเวทีหารือระดับนโยบายและความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปเอเชีย (2) ส่งเสริมความเข้าใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ตลอดจนส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกัน (3) เป็นเวทีเอเชียที่เชื่อมโยงประเทศในทวีปเอเชีย (Pan-Asian Forum) และกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคต่าง ๆ และ(4) เป็นเวทีหารือระดับนโยบายของเอเชียที่ประเทศสมาชิกสามารถแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาความท้าทายต่าง ๆ ของโลก
ACD มีสมาชิก 35 ประเทศ ครอบคลุมประเทศในทวีปเอเชีย ตั้งแต่เอเชียตะวันออกถึงตะวันตก และเป็นเวทีแรกที่มีเป้าหมายจะรวมประเทศเอเชียในทุกอนุภูมิภาค
“ประเทศ ACD มีศักยภาพสูงมาก เป้าหมายคือจะทำให้ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ขับเคลื่อนสิ่งที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องการ ตอบโจทย์ประเทศกำลังพัฒนาให้ได้ ประเทศไทยต้องมีบทบาทในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ นี่คือการทำให้ไทยกลับสู่จอเรดาร์โลก” รมว.มาริษย้ำถึงเป้าหมายด้านการต่างประเทศที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ตั้งแต่แรกในการทำให้ไทยกลับมาเป็นที่จับตามองในเวทีโลก หลังตกอยู่ในทศวรรษที่สูญหายนานเกือบสิบปี
อีกหนึ่งประเด็นในเวทีระหว่างประเทศที่ไทยหนีไม่พ้นเพราะมีชายแดนติดกัน นั่นคือสถานการณ์ในเมียนมา หากจำกันได้เมื่อไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2567 ไทยเป็นเจ้าภาพการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 6 ประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา ทั้งไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จีน อินเดีย และบังกลาเทศ ตามด้วยการหารืออย่างไม่เป็นทางการในกรอบอาเซียน ที่ สปป.ลาวเป็นประธาน และประเทศไทยเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการหารือในวันที่ 20 ธ.ค.2567
อธิบดีนิกรเดช เสริมว่า รมว.มาริษยกประเด็นเมียนมาขึ้นมาในการพูดคุยทุกครั้งที่มีโอกาส การประชุมระหว่างวันที่ 19-20 ธ.ค.ที่ประเทศไทยนั้น จีนขอบคุณไทยมากที่ยกประเด็นเมียนมาขึ้นมาหารือ
"การประชุมประเทศเพื่อนบ้านเมียนมาเป็นความคิดริเริ่มของไทย ที่ผ่านมาไม่เคยมีการจัดการประชุมในลักษณะนี้มาก่อน และถ้าไม่ใช่ไทยก็จัดไม่ได้ เราเอาจีนและอินเดียมาได้ เพราะประเทศอื่นๆ ต่างหวาดระแวงซึ่งกันและกัน" นิกรเดชกล่าว ขณะที่มาริษย้ำ
“กดดันเมียนมาไม่มีประโยชน์ เปลี่ยนจากกดดันมาเป็นร่วมมือดีกว่า”
อย่างไรก็ตาม การประชุมดังกล่าวอาจมีบางคนคาใจว่า ทำไมไม่เชิญฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลหรือรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา (เอ็นยูจี) มาด้วย
“ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้นครับ ผมทำงานการทูตทำไมผมจะไม่รู้ อย่าง Peace Summit ที่ผู้ช่วยฯ รัศม์ไปร่วมที่สวิตเซอร์แลนด์ไม่เชิญรัสเซียก็ไม่เกิดผล ณ ขณะนี้มีเสียงตอบรับที่ดีจากชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่ม” มาริษกล่าวพร้อมชี้ให้เห็นว่า ทุกคนเริ่มไว้ใจไทย และคาดหวังว่าจะมีการพูดคุยครั้งที่ 2 ต่อไปอีก แม้แต่ประเทศบรูไนที่อยู่ห่างไกลออกไป ทุกคนมีความคาดหวังสูงกับไทย
- ตอบกระทู้สด ไทยต้องคุยกับทุกกลุ่ม
รุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) ที่รัฐสภา มาริษ ได้ตอบกระทู้ถามสดของกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรมที่ตั้งคำถามถึงนโยบายและกรอบการทำงานของไทยต่อความไม่สงบในประเทศเมียนมา ต่อการช่วยเหลือและสนับสนุนให้เมียนมาเกิดสันติภาพโดยเร็วเพราะประเทศไทยถือว่าเป็นมิตรประเทศใกล้เคียง รมว.ต่างประเทศกล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงกับทุกกลุ่ม ทั้งจากฝ่ายปกครองหรือฝ่ายต่อต้าน รวมถึงไม่สนับสนุนให้เกิดความรุนแรง ไม่ต้องการให้การสู้รบคงอยู่ในเมียนมาต่อไป อย่างไรก็ดีปัญหาของเมียนมานั้นจำเป็นต้องใช้การพูดคุยตามขั้นตอน
“สถานการณ์ของเมียนมามีขั้นตอนและความเปราะบางหลายจุด รวมถึงมีผู้เล่นที่เกี่ยวข้องมาก สถานการณ์ซับซ้อน เป้าหมายของไทยอยากให้เมียนมากลับมาสงบ มีเสถียรภาพประชาชนเมียยนมามีความเป็นอยู่ที่ดี มีความก้าวหน้า โดยต้องดำเนินการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์กับคนทุกกลุ่มในเมียนมา” มาริษ กล่าว







