งบประมาณปี 68 ญี่ปุ่นสูงทุบสถิติ ทุ่ม ‘กลาโหม’ ต่อเนื่อง

งบประมาณปี 68 ญี่ปุ่นสูงทุบสถิติ ทุ่ม ‘กลาโหม’ ต่อเนื่อง

ญี่ปุ่นอนุมัติงบประมาณปี 68 สูงทุบสถิติ ยังคงทุ่มงบฯด้านกลาโหมอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนเศรษฐกิจในท้องถิ่นมากขึ้น

รัฐบาลของชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อนุมัติงบประมาณประจำปี 2568 มากเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์ (27 ธ.ค.) โดยจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมและสนับสนุนเศรษฐกิจในท้องถิ่นมากขึ้น

รายงานร่างงบประมาณที่บลูมเบิร์กได้รับเมื่อวันพุธ (25 ธ.ค.) ระบุว่า งบประมาณประจำปีหน้าที่จะเริ่มใช้จ่ายในเดือนเม.ย. 2568 อาจมีมูลค่าสูงถึง 115.5 ล้านล้านเยน (ราว 7.35 แสนล้านดอลลาร์)

งบประมาณปี 2568 นั้น เพิ่มขึ้นจากงบประมาณในปีปัจจุบันที่ระดับ 112.6 ล้านล้านเยน ราว 2.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มงบประมาณที่สอดคล้องกับคาดการณ์ของรัฐบาลเกี่ยวกับเงินเฟ้อโดยรวม ขณะที่ก่อนหน้านี้หลายกระทรวงของงบประมาณรวมกันมากถึง 117.6 ล้านล้านเยน

ในบรรดางบประมาณกระทรวงต่างๆที่เพิ่มขึ้น งบด้านกลาโหมเพิ่มมากกว่า 10% สู่ระดับ 8.5 ล้านล้านเยน พร้อมเพิ่มงบฯให้รัฐบาลท้องถิ่นอีกราว 7%

อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น เป็นผู้สนับสนุนการเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศอย่างแข็งขัน และยกระดับสภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ในกระทรวงกลาโหม ท่ามกลางสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงในภูมิภาคที่ตึงเครียดในเอเชีย ขณะเดียวกันงบประมาณด้านการทหารก็สอดคล้องกับการเพิ่มงบประมาณที่วางแผนไว้ในปีต่อๆ ไปด้วย

ส่วนการเพิ่มงบประมาณให้กับรัฐบาลท้องถิ่นถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญของนายกรัฐมนตรี ที่คอยเรียกร้องให้รัฐบาลกลางสนับสนุนการฟื้นฟูในระดับภูมิภาคควบคู่ไปด้วย

ร่างงบประมาณปี 2568 ยังได้จัดสรรงบฯ 38.3 ล้านล้านเยนให้กับสวัสดิการสังคม เพิ่มขึ้นจากระดับ 37.7 ล้านล้านเยน แต่ร่างงบประมาณใหม่นี้ไม่ได้รวมงบฯกองทุนสำรองสำหรับการบรรเทาผลกระทบด้านราคาหรือเงินเฟ้อ และมาตรการเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าแรง

นอกจากนี้ ร่างงบประมาณดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงต้องพึ่งพาการออกตราสารหนี้เป็นหลักเพื่อช่วยสนับสนุนประมาณสำหรับการใช้จ่ายในด้านต่างๆ แต่รายรับจากภาษีที่สูงเป็นประวัติการณ์จะสามารถลดการออกพันธบัตรใหม่ได้เกือบ 1 ใน 5 เหลือเพียง 28.6 ล้านล้านเยน

ถือเป็นข่าวดีที่รัฐบาลญี่ปุ่นลดปริมาณการออกพันธมิตรใหม่ให้ต่ำกว่า 30 ล้านล้านเยนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงสุดเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจพัฒนาแล้วอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม แม้รายรับจากภาษีมากเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 78.4 ล้านล้านเยน จะช่วยลดการพึ่งพาการก่อหนี้สาธารณะ แต่แผนงบประมาณล่าสุดนี้ยังคงทำให้ประเทศมีหนี้เพิ่มสูงขึ้น

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะของญี่ปุ่นอาจสูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2567 กว่า 250%

ทั้งนี้ การลดการออกพันธบัตรใหม่มีขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญของรัฐบาล เนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันทำให้ต้นทุนการชำระหนี้เพิ่มสูงขึ้น

แหล่งข่าวเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้กำหนดอัตราการคำนวณต้นทุนการชำระหนี้ (Debt Service Cost) เป็น 2% สำหรับงบประมาณล่าสุด เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.9% ของงบประมาณประจำปีปัจจุบัน

มาซากิ คุวาฮาระ นักกลยุทธ์ด้านอัตราดอกเบี้ยระดับอาวุโส จากโนมูระ ซีเคียวริตี กล่าวว่า รายจ่ายอาจเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่งเนื่องจากรายได้ภาษีที่สูงขึ้น แต่รัฐบาลยังคงต้องรักษาสมดุลการใช้จ่าย และเตือนว่า ผลตอบแทนที่สูงขึ้นจะทำให้รัฐบาลบริหารจัดการหนี้ค้างชำระได้ยากขึ้น