ขัดแย้งทั่วโลกระอุ นักข่าวสังเวยชีวิต 68 ราย ในปี 67 สูงสุดในรอบกว่า 10 ปี

ยูเนสโกเผยตัวเลข นักข่าวต้องสังเวยชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ 68 ราย ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบกว่า 10 ปี โดยส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการทำข่าวในประเทศที่มีความขัดแย้ง
ยูเนสโก รายงานว่า นักข่าว และผู้ปฏิบัติงานด้านสื่ออย่างน้อย 68 ราย เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ในปี 2567 (นับถึงวันที่ 12 ธันวาคม) โดยมากกว่า 60% ของการเสียชีวิตเกิดขึ้นในประเทศที่มีความขัดแย้ง ซึ่งนับเป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดในรอบกว่า 10 ปี
ออเดรีย อาซูเลย์ ผู้อํานวยการใหญ่ของยูเนสโก กล่าวว่า “ข้อมูลที่เชื่อถือได้มีความสําคัญอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และเพื่อให้โลกได้รับรู้ถึงสถานการณ์ดังกล่าว ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ที่นักข่าวต้องแลกชีวิตกับการปฏิบัติหน้าที่นี้ ดิฉันขอเรียกร้องให้ทุกรัฐสมาชิกคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อตามกฎหมายระหว่างประเทศ”
ในปาเลสไตน์มีนักข่าวเสียชีวิต 18 ราย ขณะที่ยูเครน และโคลอมเบียมีนักข่าวเสียชีวิตที่ละ 4 ราย ส่วนในอิรัก เลบานอน เมียนมา และซูดานมีผู้สื่อข่าวเสียชีวิตที่ละ 3 ราย และในซีเรีย ชาด โซมาเลีย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อเสียชีวิตประเทศละ 1 ราย
แนวโน้มอันน่าตกใจนี้มีมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีจํานวนนักข่าวเสียชีวิตจากความขัดแย้งมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปี 2559-2560
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการเสียชีวิตของนักข่าว และผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อลดลงเมื่อเทียบกับปี 2566 ซึ่งมี นักข่าวเสียชีวิต จำนวน 74 ราย และในปี 2565 จำนวน 88 ราย แต่ยังมีบางกรณีที่ยูเนสโกกําลังดําเนินการตรวจสอบตามวิธีการทํางานของยูเนสโก
ตัวเลขที่ลดลงนี้สืบเนื่องมาจากการลดลงของจํานวนนักข่าวที่เสียชีวิตนอกประเทศที่เกิดความขัดแย้ง ซึ่งมีอยู่ 26 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่ตํ่าสุดในรอบ 16 ปี
ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่า อาจมีความคืบหน้าในบางประเทศที่ไม่ได้อยู่ในภาวะสงครามในด้านการปราบปรามความรุนแรงต่อนักข่าวที่รายงานข่าวในยามสงบ ซึ่งความรุนแรงดังกล่าวหนักหน่วงที่สุดในปี 2565 โดยมีนักข่าวเสียชีวิต 60 ราย แนวโน้มนี้ปรากฏชัดในลาตินอเมริกา และแคริบเบียน ซึ่งมีนักข่าวเสียชีวิต 12 รายในปี 2567 เทียบกับ 18 รายในปี 2566 และ 43 รายในปี 2565
เป็นมากกว่าตัวเลข
ตัวเลขของยูเนสโกนั้นอ้างอิงจากข้อมูลที่องค์กรชั้นนําระหว่างประเทศด้านเสรีภาพสื่อที่บันทึกไว้ โดยไม่รวมจํานวนนักข่าวที่เสียชีวิตในสถานการณ์ที่เชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับอาชีพของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ยูเนสโกยังคงติดตามการเสียชีวิตของนักข่าวหลายสิบรายทั่วโลกจนกว่าจะได้รับการยืนยันดังกล่าว
อนึ่ง กระบวนการนี้เป็นไปตามอาณัติของยูเนสโก และวิธีการทํางานที่มีมานานเกือบ 20 ปี ซึ่งยึดความเป็นกลาง และความไม่ลําเอียงอย่างเคร่งครัด ในขณะที่ดํารงรักษาแนวทางที่มีความสม่ำเสมอในระดับสากล โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทํางานนี้ได้ที่หอสังเกตการณ์ของยูเนสโกเกี่ยวกับนักข่าวที่ถูกสังหาร (UNESCO Observatory of Killed Journalists)
ความพยายามของยูเนสโกในการปกป้องนักข่าว
ยูเนสโกดําเนินภารกิจของสหประชาชาติในการสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออก และการปกป้องนักข่าว ยูเนสโกประสานงานตามแผนปฏิบัติการของสหประชาชาติว่าด้วยความปลอดภัยของนักข่าว และปัญหาการลอยนวลพ้นผิด โดยมีระบบในการประณาม และติดตามการดําเนินการของกระบวนการยุติธรรมในทุกกรณีที่นักข่าวถูกสังหาร
นอกจากนี้ ยูเนสโกยังฝึกอบรมนักข่าว เจ้าหน้าที่ตุลาการ และกองกําลังรักษาความปลอดภัย ยูเนสโกทํางานร่วมกับภาครัฐในการพัฒนานโยบาย และกฎหมายที่เอื้ออํานวย และสร้างความตระหนักรู้ทั่วโลกผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น วันสากลว่าด้วยการยุติการไม่ต้องรับโทษของอาชญากรรมต่อนักข่าว (2 พฤศจิกายน) และวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก (3 พฤษภาคม)
นอกจากนี้ ยูเนสโกยังบันทึก และวิเคราะห์การคุกคามนักข่าวในรูปแบบต่างๆ เมื่อช่วงก่อนหน้าในปีนี้ ยูเนสโกได้เตือนถึงการเพิ่มขึ้นของรูปแบบใหม่ๆ ในการตรวจตราเพื่อตัดหรือระงับเนื้อหา เช่น การใช้กฎหมายการเงินในทางที่ผิดเพื่อปิดปากนักข่าว รายงานที่ยูเนสโกเผยแพร่ในเดือนพฤษภาคม เผยให้เห็นว่าการกระทําความรุนแรงต่อนักข่าวสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นร้อยละ 42 ระหว่างช่วงปี 2557-2561 และ 2562-2567
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







