ส่องอนาคตยูเครนภายใต้รัฐบาลทรัมป์ 2.0

ส่องอนาคตยูเครนภายใต้รัฐบาลทรัมป์ 2.0

ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับคริสเทน เวลเกอร์ ในรายการ “Meet the Press” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี เมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.67) เผยถึงนโยบายต่างประเทศหลายเรื่อง รวมทั้งยูเครน “มีแนวโน้ม” ได้รับความช่วยเหลือทางทหารลดลงเมื่อเขารับตำแหน่ง

“เราจ่าย 350,000 ล้านดอลลาร์ ยุโรปจ่าย 100,000 ล้านดอลลาร์ ทำไมยุโรปจ่ายไม่เท่าเรา สิ่งเดียวที่ควรเกิดขึ้นคือ ยุโรปควรจ่ายเท่ากัน” ทรัมป์เปิดฉากกับพิธีกรเวลเกอร์ถึงการสนับสนุนยูเครนนับตั้งแต่เริ่มสงครามในเดือนก.พ.2022

เมื่อวันเสาร์ (7 ธ.ค.67) ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพิ่งประกาศมาตรการความช่วยเหลือด้านอาวุธ และยุทโธปกรณ์ชุดใหม่ให้ยูเครนมูลค่า 988 ล้านดอลลาร์ รวมแล้วสหรัฐให้ความช่วยเหลือยูเครนกว่า 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มขึ้นเมื่อเกือบสามปีก่อน

“ผมคิดว่า (ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน) อาจเป็นเซลส์แมนเก่งที่สุดในบรรดานักการเมืองที่เคยมี” ทรัมป์เคยกล่าวถึงผู้นำยูเครนในเดือนมิ.ย. ชี้ให้เห็นว่า ทักษะด้านการทูตของเซเลนสกีน่ายกย่อง ช่วยให้ได้ความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐหลายหมื่นล้านดอลลาร์มากกว่าที่ยูเครนต้องการจริงๆ เสียด้วยซ้ำ

 สิ่งที่ทรัมป์กล่าวออกมา ไม่ได้แตกต่างไปจากจุดยืนสมัยเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ที่ว่า นาโตต้อง “จ่าย” ถ้าอยากให้สหรัฐยังคงเป็นสมาชิก ก่อนหน้านี้เขาเคยขู่หลายครั้งว่าจะถอนสหรัฐออกจากนาโต องค์กรพันธมิตรทางทหารที่ก่อตั้งมาตั้งแต่สงครามโลก ครั้งที่ 2 กับภารกิจเบื้องต้นในการปกป้องสมาชิกจากรัสเซียที่มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ

“ยุโรปกำลังแตกเป็นฝักฝ่าย และสงครามกับรัสเซียสำคัญกับยุโรปมากกว่ากับเรา เรามีสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ามหาสมุทรคั่นเอาไว้” ทรัมป์ กล่าวกับเวลเกอร์ ครั้นถูกถามว่า เขาได้ติดต่อกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินหรือไม่นับตั้งแต่ชนะเลือกตั้ง ทรัมป์ไม่ปฏิเสธว่าเขาได้คุยกับประธานาธิบดีรัสเซียแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ทรัมป์ได้พบกับเซเลนสกี 35 นาทีที่กรุงปารีส จัดโดยประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ผู้นำทั้งสามไปร่วมพิธีเปิดมหาวิหารน็อทร์ดามหลังการฟื้นฟูบูรณะจากเหตุไฟไหม้ใหญ่เมื่อปี 2019

หลังได้คุยกับเซเลนสกี ทรัมป์ก็โพสต์โซเชียลมีเดียเรียกร้องยุติความขัดแย้งในยูเครน

“ควรมีการหยุดยิงทันทีแล้วเริ่มการเจรจา” ทรัมป์โพสต์บนทรูธโซเชียล แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตนเอง พร้อมเสริมว่า “สงครามที่ไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก และอาจจบไม่ลง”

ทรัมป์ เคยกล่าวไว้ว่า ภายในวันแรกที่ดำรงตำแหน่ง เขาจะเป็นคนกลางยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยอ้างว่าเขาสนิทสนมกับปูติน

“ผมรู้จักวลาดิมีร์ ดี ถึงเวลาที่เขาต้องลงมือทำแล้ว จีนช่วยได้ โลกกำลังรอ” ทรัมป์โพสต์ต่อ ทั้งยังย้ำว่าเขามี “ความสัมพันธ์อันดี” กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน โดยระบุว่าพวกเขาสื่อสารกันตลอดนับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้ง และครั้งล่าสุดเมื่อสามวันก่อนให้สัมภาษณ์กับเวลเกอร์แห่งเอ็นบีซี

เมื่อถามว่าเขาจะปกป้องไต้หวันหรือไม่ถ้าจีนรุกราน ทรัมป์ กล่าวว่า แม้เขาไม่อยากให้จีนทำเช่นนั้นแต่ไม่ยอมตอบว่าสหรัฐจะเข้าแทรกแซงหรือไม่ กล่าวเพียงว่า เขาต้อง “ต่อรอง”

ทรัมป์เล่าด้วยว่าตอนที่คุยโทรศัพท์กับสีครั้งล่าสุด “ไม่ได้คุยกัน” เรื่องไต้หวัน

นอกจากนี้ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐยังพูดถึงบทบาทของรัสเซียในความขัดแย้งซีเรีย หลังจากสงครามกลางเมือง 13 ปี กบฏซีเรียก็ยึดครองกรุงดามัสกัสโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ได้เมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.67) อัสซาดต้องหนีออกนอกประเทศ

“อัสซาดไปแล้ว เขาหนีออกนอกประเทศ ผู้คุ้มครองของเขา รัสเซีย นำโดยวลาดิมีร์ ปูติน ไม่ได้สนใจปกป้องเขาอีกต่อไป ไม่มีเหตุผลที่รัสเซียจะอยู่ที่นั่นตั้งแต่ทีแรก พวกเขาไม่สนใจซีเรียอีกแล้วเพราะยูเครน” ทรัมป์โพสต์ทรูธโซเชียลเมื่อวันอาทิตย์ ก่อนมีข่าวออกมาในวันจันทร์ (9 ธ.ค.67) ว่า อัสซาด และครอบครัวได้ลี้ภัยอยู่ในกรุงมอสโก                   

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์