GM ถอดใจธุรกิจ ‘แท็กซี่ไร้คนขับ’ ยุติการลงทุน Cruise ที่ขาดทุนต่อเนื่อง

GM ถอดใจธุรกิจ ‘แท็กซี่ไร้คนขับ’ ยุติการลงทุน Cruise ที่ขาดทุนต่อเนื่อง

‘เจนเนอรัล มอเตอร์ส’ ถอดใจธุรกิจ ‘แท็กซี่ไร้คนขับ’ หันมาพัฒนาเทคโนโลยีของรถยนต์ดีกว่า ยุติการลงทุนใน Cruise ที่ยังไม่ทำกำไรแถมขาดทุนต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เจนเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors: GM)  ประกาศหยุดการลงทุนในธุรกิจรถ “แท็กซี่อัตโนมัติ” Cruise โดยให้เหตุผลว่า การพัฒนารถยนต์ไร้คนขับให้พร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์นั้นต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมหาศาล ในขณะที่ตลาดก็มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ GM ตัดสินใจหันไปโฟกัสในธุรกิจอื่นที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้เร็วกว่า

ฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีของ Cruise จะถูกรวมเข้ากับทีมพัฒนาเทคโนโลยีของ GM โดย GM ยังคงลงทุนเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับของ Cruise ต่อไป แต่เป็นการใช้งานสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล

แมรี่ บาร์รา ซีอีโอ GM กล่าวในช่วงแถลงรายละเอียดกับนักวิเคราะห์ว่า Cruise มีการดำเนินงานที่ดีในบริการรถแท็กซี่อัตโนมัติ แต่ในการให้บริการรถแท็กซี่นั้นมีอีกหลายที่ปัจจัยต้องดูแลเพิ่มเติม เช่น การบริหารปริมาณรถยนต์ที่วิ่งในถนน ทำให้ GM เลือกมาโฟกัสเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีของรถยนต์เท่านั้น

ก่อนหน้านี้ GM ลงทุนมหาศาลใน Cruise ที่มีฐานอยู่ในซานฟรานซิสโก ด้วยความหวังจะสร้างกองยานแท็กซี่ไร้คนขับที่ทำกำไรได้ แต่หลังจากลงทุนไปหลายพันล้านดอลลาร์และถือหุ้นไปถึง 90% โครงการนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย และยังคงขาดทุนอย่างต่อเนื่อง

การเข้าซื้อกิจการ Cruise ในปี 2559 มีผู้ร่วมลงทุนรายสำคัญเช่น Honda, Microsoft, Walmart บริษัทเผชิญปัญหาเมื่อปลายปีที่แล้วจากอุบัติเหตุ จนถูกพักใบอนุญาตให้บริการในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตามมาด้วยการลาออกของซีอีโอกับผู้บริหารระดับสูง จากนั้นปลดพนักงานอีกราว 1,000 คนเมื่อ พ.ย. เพื่อพยายามลดต้นทุนและปรับลำดับความสำคัญภายในธุรกิจใหม่ ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลง

การเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการก้าวถอยหลังอีกก้าวหนึ่งจากรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทคู่แข่งอย่าง Ford ก็ไม่เห็นช่องทางการทำกำไรจนต้องยุติโครงการ Argo AI ซึ่งเป็นโครงการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับร่วมกับ Volkswagen

อย่างไรก็ดี ตลาดรถแท็กซี่ไร้คนขับกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีบริษัทชั้นนำอย่าง Waymo ที่ขยายบริการไปถึงไมอามี รวมถึงบริษัทสัญชาติจีนอย่าง Pony.ai และ WeRide ที่เริ่มขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ขณะที่ Tesla ก็เตรียมเปิดตัว Cybercab เข้าสู่ตลาดในอีกไม่ช้า

ขณะเดียวกัน การลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีบริษัทขนาดใหญ่ เช่น SoftBank และ Amazon เข้ามาลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Wayve และ Zoox 

อ้างอิง AP