‘สี จิ้นผิง’เตือน สงครามการค้ากับสหรัฐ ‘ไม่มีผู้ชนะ’

‘สี จิ้นผิง’เตือน สงครามการค้ากับสหรัฐ ‘ไม่มีผู้ชนะ’

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเตือน “ไม่มีผู้ชนะ” ในสงครามการค้ากับสหรัฐ มั่นใจปีนี้เศรษฐกิจจีนโตทะลุเป้าราว 5%

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวถึงความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ ระหว่างพบปะกับหัวหน้าสถาบันการเงินพหุภาคีในกรุงปักกิ่ง ระบุ

“สงครามภาษี สงครามการค้า และสงครามเทคโนโลยี สวนทางกับแนวโน้มที่เคยมีและกฎระเบียบทางเศรษฐกิจ และจะไม่มีใครเป็นผู้ชนะ”

"จีนยินดีหารือกับรัฐบาลสหรัฐต่อไป, ขยายความร่วมมือ, จัดการความแตกต่าง และส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐในทิศทางที่มั่นคง แข็งแรง และยั่งยืน" สีกล่าว

ทั้งนี้ รัฐบาลปักกิ่งตั้งเป้าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ที่ราว 5% แม้การบริโภคภายในประเทศซบเซา การว่างงานสูง และวิกฤติในภาคอสังหาริมทรัพย์ยืดเยื้อซึ่งสีกล่าวในระหว่างการประชุมตามการรายงานของสื่อรัฐว่า จีน “เชื่อมั่นเต็มที่” ว่าสามารถบรรลุเป้าเศรษฐกิจปีนี้ได้

ความคิดเห็นของสีเกิดขึ้นหลังจากข้อมูลทางการชี้ว่า เดือนที่ผ่านมาการส่งออกของจีนเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำกว่าคาด ขณะที่การนำเข้าหดตัวต่อไปอีก ตอกย้ำถึงความท้าทายที่จีนกำลังเผชิญ

ตัวเลขล่าสุดบ่งบอกว่าจำเป็นต้องได้การสนับสนุนเพิ่ม หนึ่งวันหลังจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เค้าลางสงครามการค้า

การส่งออกปีนี้ถือเป็นความหวังอันหาได้ยากของเศรษฐกิจจีน ในช่วงที่การใช้จ่ายภายในประเทศซบเซาและวิกฤติในภาคอสังหาฯ ยังไม่จบสิ้นสร้างความตื่นตระหนกให้นักลงทุน

ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรชี้ว่า ในเดือน พ.ย. การส่งออกพุ่งขึ้น 6.7% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 สู่ระดับ 3.12 แสนล้านดอลลาร์ แต่ยังต่ำกว่ามาก เมื่อเทียบกับตัวเลข 8.7% ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์กับบลูมเบิร์ก และ 12.7% ในเดือน ต.ค.ที่โตแบบก้าวกระโดด แกร่งสุดในรอบกว่าสองปีและเมื่อพิจารณาการส่งออกระหว่างเดือน ม.ค.-พ.ย. เติบโตขึ้น 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566

“เผลอๆ การส่งออกจีนน่าจะเป็นเซอร์ไพรส์ใหญ่สุดสำหรับเศรษฐกิจปีนี้ นี่คือหนึ่งเหตุผลใหญ่ทำให้จีนจ่อทะลุเป้าการเติบโต ‘ราว 5%’ ได้” ลินน์ ซ่ง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเกรทเตอร์ไชนาของไอเอ็นจีกล่าว

นักวิเคราะห์ชี้ว่าการที่ยอดส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงนี้เป็นเพราะผู้ซื้อต่างชาติที่หวาดกลัวการเผชิญหน้าทางการค้าอีกครั้งกำลังแข่งกันซื้อสินค้าจีนก่อนว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษี

“เราอาจเห็นการส่งออกเพิ่มขึ้นบ้างในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่โมเมนตัมน่าจะเบาลงหลังจากนั้น เว้นแต่ว่าผลลัพธ์ของการเจรจาภาษีศุลกากรจะเป็นไปในเชิงบวกอย่างน่าประหลาดใจ" ซ่งกล่าวต่อ

ตอนเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์เคยทำสงครามการค้าสุดโหดกับจีน อ้างว่า จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและทำการค้า “ไม่เป็นธรรม” ส่วนรอบนี้ลั่นวาจาว่า จะขึ้นภาษีจีนหลังรับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. ในช่วงที่ปักกิ่งกำลังสาละวนอยู่กับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังโควิดระบาด

ส่วนการนำเข้าของจีน เดือน พ.ย.ลดลง 3.9% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือน ต.ค. แต่แย่มากเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.9% เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดส่งผลอุปสงค์ภายในประเทศลด

ตัวเลขดังกล่าวออกมาในช่วงที่นักลงทุนกำลังจับสัญญาณจากผู้นำจีนอย่างใกล้ชิด ซึ่งสัปดาห์นี้ได้ประชุมกันหลายรายการในกรุงปักกิ่ง เพื่อวางแผนเศรษฐกิจสำหรับปีหน้า

เมื่อวันจันทร์ (9 ธ.ค.) คณะกรมการเมืองหรือโปลิตบูโร องค์กรตัดสินใจสูงสุดของจีน เรียกร้อง “แข็งขัน” ให้สนับสนุนการบริโภคและนโยบายการเงินผ่อนคลายในปี 2568 แต่นักสังเกตการณ์ยังรอการประกาศนโยบายเฉพาะ โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมการบริโภคอย่างมีนัยสำคัญ

นายจาง จื้อเว่ย ประธานและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทพินพอยท์แอสเสทแมเนจเมนท์ รายงานว่า การประชุมสำคัญว่าด้วยเศรษฐกิจอื่นๆ ที่น่าจะมีขึ้นในเร็ววันนี้ “อาจให้ภาพนโยบายการคลังชัดเจนขึ้น”