เสียงเตือนถึงเผด็จการ เมื่อตะวันออกกลางไร้อัสซาด

เสียงเตือนถึงเผด็จการ  เมื่อตะวันออกกลางไร้อัสซาด

กบฏซีเรียใช้เวลาเพียง 11 วันบีบให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาดต้องหนีออกนอกประเทศ เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในตะวันออกกลาง

จอมเผด็จการแห่งซีเรียต้านทานการลุกฮือที่หลายคนคิดว่าหมดพลังไปแล้ว ไว้ได้นานเกือบ 14 ปีแต่จู่ๆ รัฐบาลของอัสซาดต้องพังครืนหลังพันธมิตรอิหร่านหลายกลุ่มเพลี่ยงพล้ำในสนามรบ

ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนถูกอิสราเอลไล่ล่าเด็ดหัวมาตั้งแต่เดือน ก.ย. พร้อมๆ กับการสังหารผู้นำฮามาสถือเป็นความเสียหายใหญ่หลวงสำหรับรัฐบาลเตหะราน ผู้สนับสนุนหลักของอัสซาด

แอนเดรียส เครก ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงจากคิงส์คอลเลจลอนดอน เผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า อิหร่านและสมาชิก “อักษะแห่งการต่อต้าน” รายอื่นๆ ตอนนี้ต้องมุ่งมั่นอยู่กับ “สนามหญ้าหน้าบ้าน”

“ดังนั้นอักษะจึงละทิ้งกลยุทธ์ข้ามชาติ และความลึกซึ้งเชิงกลยุทธ์ระดับภูมิภาค”

ปฏิบัติการสายฟ้าแลบของกลุ่มกบฏนำโดยกลุ่มอิสลามนิยม “ฮายัต ตาห์รีร์ อัล ชาม” (เอชทีเอส) ยึดเมืองอาเลปโปแล้วยึดซีเรียได้ สร้างความตกตะลึงไปทั้งโลก

ไม่มีใครสักคนเลยในซีเรียหรือในกรุงดามัสกัส ไม่ว่าต่อต้านหรือสนับสนุนอัสซาดคาดคิดว่า กรุงดามัสกัสจะล่มสลายลงเร็วขนาดนี้ ความสนใจทั้งมวลมุ่งไปที่สงครามในกาซาระหว่างอิสราเอลกับฮามาส และการโจมตีฮิซบอลเลาะห์ของอิสราเอลในเลบานอน

  • พันธมิตรอ่อนแอ

การที่ฮามาสโจมตีอิสราเอลในวันที่ 7 ต.ค.2023 ได้ลากอิหร่านและ “อักษะแห่งการต่อต้าน” เข้าสู่ความขัดแย้งที่ได้เผยความอ่อนแอของพวกเขาออกมา

พลังทางทหารของฮิซบอลเลาะห์ถูกบั่นทอนลงไปมาก ฮัสซัน นัสรัลลาห์ ผู้นำกลุ่มก็ถูกอิสราเอลสังหาร โดยอิสราเอลได้โจมตีเส้นทางการทหารและการเงินของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์จากอิหร่านผ่านซีเรียไปเรียบร้อยแล้ว

ผู้สนับสนุนอิหร่านที่เหลืออยู่ในเยเมนและอิรัก แม้จะคุกคามสหรัฐและพันธมิตรในภูมิภาคได้ แต่ยังคงเป็นแค่ตัวก่อกวน ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้

รัสเซีย ที่กำลังติดพันอยู่กับสงครามผลาญทรัพยากรในยูเครน ต้องเผชิญกับการตัดสินใจเดิมพันสูง เพราะฐานทัพเรือใหญ่สุดในตะวันออกกลางอยู่ในเมืองทาร์ทัส ชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนของซีเรีย

“พวกเขามีแนวโน้มสูญเสียท่าเรือ ผมไม่เห็นว่ารัฐบาลใหม่หรือระเบียบสังคม-การเมืองใหม่จะเปิดให้รัสเซียอยู่ต่อได้ หลังรัสเซียสนับสนุนอัสซาดมาโดยตลอด” เครกกล่าวและว่า ตุรกี ผู้สนับสนุนสำคัญของกลุ่มกบฏ คือผู้ชนะรายใหญ่สุดในภูมิภาคจากการล่มสลายของอัสซาด แต่แม้มีอิทธิพล ตุรกีก็ไม่ได้ควบคุมกบฏ

ด้วยความขัดแย้งหลายแนวรบในตะวันออกกลาง ภูมิภาคนี้ยังต้องรับมือกับรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ด้วย

“ในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนอย่างยิ่ง การเปลี่ยนผ่านนี้ทำให้ทุกอย่างคาดการณ์ไม่ได้เลย มันไม่ใช่แค่การล่มสลายของระบอบอัสซาด ยังมีคำถามด้วยว่าแล้วจะเกิดอะไรต่อไปและอีกนานแค่ไหนกว่าจะตกผลึก ดังนั้นความท้าทายในซีเรียจึงยังมีอีกมาก” แอรอน ลันด์ ผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มคลังสมองเซ็นจูรี อินเตอร์เนชันแนลกล่าวกับเอเอฟพี

นับตั้งแต่ปี 2011 หลายประเทศในตะวันออกกลางสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอัสซาดแตกต่างกัน แต่เมื่อเร็วๆ นี้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และรัฐอ่าวเปอร์เซียอื่นๆ เริ่มกลับมาสัมพันธ์กับอัสซาดใหม่ หลังจากโดดเดี่ยวเขาไปนานกว่าสิบปี

หลายรัฐหวาดกลัวกลุ่มอิสลามนิยมซุนนี เช่น กลุ่มภราดรภาพมุสลิม ซึ่งลันด์มองว่า พวกเขาต้องเผชิญความท้าทายเพิ่มมากขึ้นจากผู้ปกครองดามัสกัสชุดใหม่

“นี่คือภราดรภาพมุสลิมที่แกร่งกว่ามาก มีนักรบมากกว่าและเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขามากกว่า” ลันด์ย้ำ

ขณะที่เครกกล่าวว่า เหตุการณ์ในซีเรียควรเป็นเครื่องเตือนใจผู้นำในลิเบีย อียิปต์ และตูนิเซีย ที่เคยเกิดการลุกฮือช่วงอาหรับสปริงด้วย 

“เกมจบแล้วสำหรับมายาคติเรื่อง ‘เสถียรภาพโดยเผด็จการ’ เกมจบแล้วสำหรับการต่อต้านการปฏิวัติในรัสเซีย ยูเออี และอิหร่าน” ลันด์กล่าวโดยสรุป