'ไบเดน' กลับมาเก็บภาษี 'จีน' 200 รายการ เดินหน้ารุกแนวทางการค้าสายแข็ง

'ไบเดน' กลับมาเก็บภาษี 'จีน' 200 รายการ  เดินหน้ารุกแนวทางการค้าสายแข็ง

USTR ยกเลิกการเว้นภาษีสินค้าจีนหลายร้อยการ เดินหน้าแนวทาง "สายแข็ง" กับจีนต่อเนื่อง หลังเพิ่งประกาศขึ้นภาษีจีนล็อตใหม่ไปก่อนหน้านี้

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะกลับมาเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนหลายร้อยรายการ จากเดิมที่ได้รับการยกเว้นไปก่อนหน้านี้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนใหญ่ในการขึ้นภาษีจีนกับอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์และการปกป้องภาคการผลิตในประเทศ

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีการขึ้นภาษีสินค้าจีนเป็นวงกว้างคิดเป็นมูลค่ารวมมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ในช่วงปี 2561-2562 ต่อมาในยุคของไบเดนมีการ "ยกเว้น" ภาษีสินค้าจีนเหล่านี้หลายร้อยรายการ ซึ่งในจำนวนนี้มีสินค้าจีนราว 400 รายการ ที่มาตรการยกเว้นภาษีกำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 31 พ.ค. 2567 นี้ 

ภายใต้แถลงการณ์ล่าสุดของ USTR สหรัฐจะ "ไม่ต่ออายุ" การยกเว้นภาษีกับสินค้าประมาณครึ่งหนึ่ง หรือราว 200 รายการ แต่จะขยายการหมดอายุจากสิ้นเดือน พ.ค. ไปเป็นวันที่ 14 มิ.ย. นี้ เพื่อให้มีระยะเปลี่ยนผ่านสำหรับเตรียมดำเนินการสินค้าที่ไม่ได้รับการต่ออายุการยกเว้นภาษี 

ส่วนสินค้าจีนอีก 164 ที่ได้รับการยกเว้นภาษีต่อไปนั้น จะมีผลไปจนถึงสิ้นเดือน พ.ค. 2568 โดยสินค้าในกลุ่มนี้รวมถึง มอเตอร์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เป้สะพายหลังบางประเภท และเนื้อปูบางประเภท

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากฝ่ายบริหารของสหรัฐเปิดเผยว่า จะเพิ่มอัตราภาษีรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากจีนเป็น 4 เท่า เป็น 102.5% และเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี่ เซลล์แสงอาทิตย์ และแร่ธาตุที่สำคัญ เนื่องจากมีการกล่าวหาว่าจีนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา