'สิงคโปร์แอร์ไลน์' ออกกฎรัดเข็มขัดนิรภัยเข้มงวด หลังเครื่องบินตกหลุมอากาศจนมีคนเสียชีวิต

'สิงคโปร์แอร์ไลน์' ออกกฎรัดเข็มขัดนิรภัยเข้มงวด หลังเครื่องบินตกหลุมอากาศจนมีคนเสียชีวิต

สิงคโปร์แอร์ไลน์ เพิ่มความเข้มงวดในกฎระเบียบรัดเข้มขัดนิรภัย โดยจะระงับเสิร์ฟอาหารบนเครื่องบินหากสัญญาณเตือนรัดเข็มขัดนิรภัยเปิด นอกเหนือจากการระงับให้บริการเครื่องดื่มร้อน

"สิงคโปร์แอร์ไลน์"ได้เพิ่มความเข้มงวดในกฎระเบียบการบริการในห้องโดยสาร เมื่อเครื่องบินเผชิญกับสภาพอากาศปั่นป่วน หลังจากผู้โดยสารรายหนึ่งเสียชีวิต และอีกหลายสิบคนได้รับบาดเจ็บจากเหตุเครื่องบิน เที่ยวบิน SQ321 ตกหลุมอากาศ ระหว่างเดินทางจากกรุงลอนดอนของอังกฤษไปสิงคโปร์ในช่วงต้นสัปดาห์นี้

สิงคโปร์แอร์ไลน์ประกาศว่า สายการบินจะใช้กฎระเบียบที่ระมัดระวังมากขึ้นในการจัดการกับปัญหาสภาพอากาศปั่นป่วน หลังเที่ยวบิน SQ321 ตกหลุมอากาศแบบกะทันหันเมื่อวันอังคารที่ 21 พ.ค. ทำให้ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิในกรุงเทพฯ โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผู้โดยสารชายเสียชีวิต 1 ราย และยังมีผู้โดยสารอีกหลายสิบคนต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บรุนแรงในโรงพยาบาลของไทย เช่น อาการบาดเจ็บบริเวณเส้นประสาทไขสันหลัง และศีรษะ

สิงคโปร์แอร์ไลน์ระบุว่า สายการบินจะระงับบริการอาหารบนเครื่องบิน หากสัญญาณเตือนรัดเข็มขัดนิรภัยเปิด นอกเหนือจากการระงับการให้บริการเครื่องดื่มชนิดร้อน ส่วนลูกเรือจะต้องกลับไปนั่งประจำที่พร้อมรัดเข็มขัดนิรภัย

ขณะเดียวกัน สิงคโปร์แอร์ไลน์ระบุว่าจะเดินหน้าทบทวนขั้นตอนการให้บริการของทางสายการบินต่อไป โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกเรือและผู้โดยสารเป็นอันดับแรก

ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กฎระเบียบใหม่ของสิงคโปร์แอร์ไลน์ไม่ได้บังคับให้ผู้โดยสารทุกคนต้องรัดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทางโดยไม่คำนึงถึงสภาพการบินในขณะนั้น ซึ่งปกติแล้วสายการบินต่าง ๆ จะเพียงแค่แนะนำให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง และสั่งให้นั่งประจำที่พร้อมรัดเข็มขัดนิรภัยเฉพาะช่วงที่สภาพอากาศไม่คงที่เท่านั้น

รายงานระบุว่า อาการบาดเจ็บที่ผู้โดยสารบนเครื่องบินเที่ยวที่ SQ321 ได้รับนั้น เน้นย้ำให้เห็นถึงผลกระทบที่ผู้โดยสารที่ไม่รัดเข็มขัดนิรภัยได้รับเมื่อเครื่องบินตกหลุมอากาศกะทันหัน โดยผู้โดยสารที่ไม่รัดเข็มขัดนิรภัยได้ถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนเพดานห้องโดยสาร ขณะที่ สิ่งของส่วนตัวและอุปกรณ์เกี่ยวกับการให้บริการอาหารเช้าบนเครื่องบินตกกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ

ด้านโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (23 พ.ค.) ว่า ผู้โดยสารประมาณ 22 รายกำลังรักษาอาการบาดเจ็บบริเวณเส้นประสาทไขสันหลัง ส่วนผู้โดยสารอีก 6 รายบาดเจ็บบริเวณกระโหลกและสมอง ขณะที่ ผู้โดยสาร 20 รายอยู่ในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก (ICU) และ 17 รายต้องเข้ารับการผ่าตัด