Apple ซื้อหุ้นคืนครั้งใหญ่สุด หลังตลาดจีนแข่งดุ ทุบยอดขายร่วง 10%

Apple ซื้อหุ้นคืนครั้งใหญ่สุด หลังตลาดจีนแข่งดุ ทุบยอดขายร่วง 10%

Apple ซื้อหุ้นคืนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ มูลค่ากว่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์ หลังผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ยอดขายไอโฟนร่วง 10% 'ทิม คุก' ชี้ตลาดจีนแข่งขัน'รุนแรง'เกินไป เสี่ยงเจ้าตลาด 'หัวเว่ย' ตีตื้น

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า หุ้นแอปเปิ้ล(Apple) พุ่ง 7% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด หลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่สูงกว่าประมาณการ พร้อมกับการประกาศว่าคณะกรรมการบริษัทแอปเปิ้ลอนุมัติการซื้อหุ้นคืนซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น 22% จากงบประมาณ 9 หมื่นล้านดอลลาในปีที่แล้ว ทำให้การซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ถือเป็นการซื้อหุ้นคืนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple

รายงานระบุว่ารายได้รวมของแอปเปิ้ลลดลง 4.3% จากปีก่อน อยู่ที่ 9 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 มีนาคม  และกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.36 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 2% ขณะที่ยอดขายโดยรวมของแอปเปิ้ลลดลง 4% และยอดขาย iPhone ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งแอปเปิ้ลอ้างว่าเป็นผลมาจากการเปรียบเทียบสภาพตลาดในปีที่แล้วกับปีนี้ซึ่งมีความแตกต่างกัน

ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอของแอปเปิ้ลเผยว่า ยอดขายในไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบจากการเปรียบเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีความแตกต่างกัน เนื่องจากบริษัทฯ มีการรับรู้รายได้จากยอดขาย iPhone 14 ที่ล่าช้ากว่า5 พันล้านดอลลาร์ ที่เกิดจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานชะลอตัวเนื่องมาจากโควิด

“แม้ว่ายอดขายในไตรมาสนี้จะต่ำกว่าปีก่อน แต่ ถ้าไม่นับยอดขาย 5 พันล้านดอลลาร์จากปีที่แล้ว บริษัทจะมี การเติบโตเมื่อเทียบเป็นรายปี”

ตลาดจีนแข่งดุ ทุบยอดขาย’ไอโฟน’ร่วง

ทิม คุก กล่าวถึง"จีน"ว่าเป็น "ตลาดที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในโลก" หลังจากบริษัทเทคโนโลยีรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากความต้องการที่อ่อนแอในเศรษฐกิจอันดับสองของโลกและการแข่งขันที่รุนแรงจากหัวเว่ย เทคโนโลยี

โดยยอดขายที่ลดลงส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะ “จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน” ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของแอปเปิ้ลที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของ Apple ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ทว่ารายได้รวมในเกรทเตอร์ไชน่า ลดลง 8.1% จากปีก่อนเหลือ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับไตรมาสนี้ ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์จาก FactSet คาดการณ์ไว้ จนสามารถคลายความกังวลของนักลงทุนว่าแอปเปิ้ลจะเสียส่วนแบ่งให้กับคู่แข่งท้องถิ่นอย่าง Huawei

แต่อย่างไรก็ดี รายงานจากเคาท์เตอร์พอยท์รีเสิร์ช ชี้ว่ายอดขาย iPhone ในจีน ลดลง 19.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกในปี 2566 ที่สาเหตุหลัก มาจากการกลับมาแข็งแกร่งของ “Huaweiซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมในจีน โดยยอดขายของ Huawei เติบโตถึง 69.7% ในขณะที่ยอดขายสมาร์ทโฟนโดยรวมในจีนเติบโตเพียง 1.5% จากปีก่อน

ทว่า ทิม คุก กล่าวว่า "เขามีความมั่นใจในตลาดจีน" และ "มองถึงแผนระยะยาวมากกว่าผลลัพธ์ระยะสั้น" ซึ่งยอดขาย iPhone ในจีนเติบโตในไตรมาสนี้ ซึ่งอาจสร้างความประหลาดใจให้กับบางคน


แดน อีฟส์ กรรมการผู้จัดการจาก Wedbush Securities เชื่อว่า Apple จะกลับมาเติบโตในจีนอีกครั้งในปีงบประมาณ 2568 จาก iPhone 16 ตัวใหม่ที่ใช้ AI จะช่วยกระตุ้นยอดขายของ Apple ในจีน 

 Apple จ่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่

ลูก้า มาสเตอร์ส หัวหน้าฝ่ายการเงินของแอปเปิ้ล เปิดเผยในการประชุมว่าบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขาย iPad ในไตรมาสปัจจุบัน จะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักเมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่าธุรกิจบริการของแอปเปิ้ลจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราที่ใกล้เคียงกับสองไตรมาสที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ยอดขายผลิตภัณฑ์ Apple ในไตรมาสล่าสุด โดย Mac Book มียอดขายเพิ่มขึ้น 4% เป็น 7.45 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังคงต่ำกว่าจุดสูงสุดของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำได้ในปี 2565

โดยทิมคุก ซีอีโอของ Apple อธิบายว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจาก MacBook Air รุ่นใหม่ที่เปิดตัวพร้อมชิป M3 ที่อัพเกรดในเดือนมีนาคม ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมถึง Apple Watch และ AirPods ลดลง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน เหลือ 7.9 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาแอปเปิ้ล ได้เปิดตัวชุดแว่นตาเสมือนจริง (VR) Vision Pro ในราคา 3,500 ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่ายอดขายจะไม่สูงนักในช่วงแรก แต่ทิมคุก ยังมองเห็นโอกาสในตลาด VR ว่ามีแนวโน้มสดใส

ทั้งนี้ ทิม คุก กล่าวว่า บริษัทมี "แผนงานใหญ่มากที่จะประกาศ" ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ iPad สัปดาห์หน้าและงาน Worldwide Developers Conference ในเดือนมิถุนายน ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่

พร้อมชูธุรกิจบริการของ Apple เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งยอดขายเพิ่มขึ้น 14.2% เป็น 2.39 หมื่นล้านดอลลาร์แสดงให้เห็นถึง รายได้ที่หลากหลาย ของ Apple จากระบบสมาชิกแบบชำระเงินกว่า 1 พันล้านคน ในบริการต่างๆ เช่น Apple Music, iCloud และ AppleCare

อ้างอิง CNBC , Nikkei