คาดขัดแย้งตะวันออกกลางเดือด หนุนราคาน้ำมันโลก WTI เพิ่ม 1.16 ดอลล์

คาดขัดแย้งตะวันออกกลางเดือด หนุนราคาน้ำมันโลก WTI เพิ่ม 1.16 ดอลล์

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดวันพฤหัสบดี(4เม.ย.)ปรับตัวขึ้น 1.16 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางมีแนวโน้มลุกลามและอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.36% ปิดที่ 86.59 ดอลลาร์/บาร์เรล  ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 1.45% ปิดที่ 90.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. 2566 โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์และแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัว

ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น หลังจากมีรายงานว่าสถานทูตอิสราเอลทั่วโลกต่างก็ใช้มาตรการเฝ้าระวังขั้นสูง ท่ามกลางความกังวลว่าอิหร่านอาจจะก่อเหตุโจมตีนักการทูต โดยอิหร่านซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศกร้าวว่าจะตอบโต้อิสราเอล หลังจากอิสราเอลโจมตีสถานกงสุลของอิหร่านในซีเรียเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 เม.ย.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ซึ่งรวมถึงนายโมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่าน

สำนักข่าวไทม์ส ออฟ อิสราเอล รายงานล่าสุดว่า กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ได้ออกคำสั่งระงับการลาพักของหน่วยรบทุกหน่วย ท่ามกลางความกังวลว่าอาจมีการแก้แค้นเกิดขึ้น หลังจากนายพลของอิหร่านถูกสังหารในซีเรีย

นักวิเคราะห์หลายคนแสดงความเห็นว่า หากอิหร่านทำสงครามโดยตรงกับอิสราเอล ก็จะทำให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางลุกลามออกไปเป็นวงกว้างและอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาด

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากผลการประชุมของคณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เมื่อวานนี้ โดยที่ประชุมมีมติให้โอเปกพลัสยังคงปรับลดกำลังการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นไปในลักษณะของการสมัครใจของประเทศสมาชิก ขณะที่ซาอุดีอาระเบียปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วัน

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งชะลอตัวลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 275,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9% ในเดือนมี.ค.