'Sea' บริษัทแม่ช้อปปี้เลิกเผาเงินแล้ว ประกาศกำไรครั้งแรกในรอบ 7 ปี

'Sea' บริษัทแม่ช้อปปี้เลิกเผาเงินแล้ว ประกาศกำไรครั้งแรกในรอบ 7 ปี

เลิกเผาเงินแล้ว! 'Sea Limited'บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดัง Shopee ประกาศผลกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ทำ IPO

KEY

POINTS

  • Sea รายงานผลประกอบการปี 2566 ได้กำไรเป็นปีแรกนับตั้งแต่ IPO ในปี 2560
  • บริษัททำรายได้สุทธิ 162.7 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ขาดทุนถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565
  • หุ้นของ Sea ในตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานรับข่าวทันที 5.58% 

เลิกเผาเงินแล้ว! 'Sea Limited'บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดัง Shopee ประกาศผลกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ทำ IPO

บริษัท "ซี ลิมิเต็ด" (Sea Limited) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดัง "ช้อปปี้" (Shopee) รายงานผลประกอบการปี 2566 สามารถทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ออกไอพีโอในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อปี 2560 บ่งชี้ถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ที่สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดจากการแข่งขันอย่างดุเดือดจากลาซาด้าและติ๊กต่อก

บริษัทมีรายได้สุทธิในปีที่แล้ว 162.7 ล้านดอลลาร์ (ราว 5,830 ล้านบาท) จากเดิมที่ขาดทุนถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์ (ราว 6 หมื่นล้านบาท) ในปี 2565 แม้ว่าในไตรมาส 4 บริษัทจะขาดทุนสุทธิไป 111.6 ล้านดอลลาร์ก็ตาม 

ฟอร์เรสต์ หลี่ ประธานบริษัทและซีอีโอของซี กล่าวว่าปี 2566 เป็นปีที่บริษัทประสบความสำเร็จในการทำกำไรและยังครองความเป็นเจ้าตลาดได้อย่างแข็งแกร่งในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (Shopee) นอกจากนี้ ธุรกิจบริการทางการเงินดิจิทัล (SeaMoney) ยังเติบโตได้ดี และธุรกิจบันเทิงดิจิทัล (Garena) ก็เติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ 
 

"เรามีงบดุลที่แข็งแกร่งขึ้นมาก สถานะเงินสดของเราเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2566 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวินัยและความรอบคอบที่เราใช้ในการลงทุนของเราในปีที่ผ่านมา" หลี่กล่าวพร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า บริษัทจะสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องในปี 2567 นี้

ทั้งนี้ Sea เคยได้ชื่อว่าเป็นธุรกิจ "เผาเงิน" เนื่องจากธุรกิจแพลตฟอร์มนั้นเป็นสตาร์ตอัปที่ใช้เงินจากการระดมทุนเป็นหลัก แต่ตัวบริษัทกลับไม่สามารถทำกำไรได้ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมากและเน้นการเติบโตหรือส่วนแบ่งตลาดมาก่อนผลกำไร

เหตุนี้ทำให้ Sea ยังไม่เคยมีผลประกอบการรายปีที่ทำกำไรได้เลยแม้แต่ปีเดียว นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นเมื่อ 7 ปีก่อน และบริษัทยังขาดทุนรวมไปแล้วหลายพันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 

ด้านนักลงทุนตอบรับข่าวด้วยราคาหุ้นที่พุ่งทะยานขึ้นจนไปปิดตลาดเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ปิดบวกไป 5.58%