'แอร์เมส' ทำกำไร-ยอดขายนิวไฮ เล็งแจกโบนัสให้พนักงานทั่วโลกคนละ 150,000 บาท

'แอร์เมส' ทำกำไร-ยอดขายนิวไฮ เล็งแจกโบนัสให้พนักงานทั่วโลกคนละ 150,000 บาท

แอร์เมสมียอดขายและกำไรมากเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งบริษัทยังเติบโตแข็งแกร่งทั่วทุกภูมิภาค เล็งแจกโบนัสให้พนักงานทั่วโลก 22,000 คน คนละประมาณ 150,000 บาท!

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน (9 ก.พ.) ว่า แอร์เมส ยักษ์ใหญ่แบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศส ทำยอดขายและกำไรรายปีได้มากเป็นประวัติการณ์ วางแผนแจกโบนัสให้พนักงานทั่วโลก หลังบริษัทเติบโตแข็งแกร่งในทุกภูมิภาคเมื่อปี 2566

กลุ่มธุรกิจแบรนด์หรู แอร์เมส เผย ทำกำไรได้ 4,300 ล้านยูโร ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 28% ขณะที่ยอดขายพุ่ง 15% สู่ระดับ 13,400 ล้านยูโร

บริษัทกล่าวว่า พนักงานทั่วโลก 22,000 ของแอร์เมสจะได้รับโบนัส 4,000 ยูโร หรือราว 150,000 บาท ในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายแบ่งปันผลประโยชน์ให้แก่พนักงานที่มีส่วนช่วยธุรกิจในทุก ๆ วัน

 

นอกจากนี้ แอร์เมสเตรียมเสนอเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นด้วย ขณะที่หุ้นแอร์เมสปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 4% สู่ระดับ 2,168 ยูโร ช่วงซื้อขายตอนเช้า (9 ก.พ.) ในตลาดหุ้นปารีส หนุนมูลค่าตลาดของแอร์เมสอยู่เหนือบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องสำอางอย่างลอรีอัล

ด้าน หุ้นลอรีอัล ร่วงมากกว่า 7% สู่ระดับ 420 ยูโร หลังรายงานผลประกอบการต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4

หุ้น LVMH กลุ่มบริษัทสินค้าลักซ์ชัวรีรายใหญ่สุดในโลกลดลง 0.3% สู่ระดับ 802 ยูโร แต่มีรายได้ในปีก่อนมากเป็นประวัติการณ์ ส่วน หุ้น Kering เจ้าของแบรนด์กุชชี เพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 412 ยูโร แม้รายงานผลประกอบการน้อยลง

‘แอร์เมสโตแกร่ง’ ท่ามกลางความปั่นป่วนของโลก

แอร์เมสเผยว่า ยอดขายแอร์เมสโต 14.5% ในประเทศญี่ปุ่น และโต 12.9% ในทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2566 อีกทั้งบริษัทยังได้เปิดสาขาแห่งที่ 33 ในจีนเพิ่มด้วย

สำหรับแอร์เมสแล้ว ญี่ปุ่นและเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท สามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 7,500 ล้านยูโร

ขณะที่ยอดขายในยุโรปพุ่ง 19% สู่ระดับ 3,000 ล้านยูโร และโต 17.1% สู่ระดับ 2,500 ล้านยูโรในอเมริกา

แนวโน้มของธุรกิจในปีนี้ บริษัทคาดว่าในระยะกลาง แม้เศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และการเงินทั่วโลกมีความไม่แน่นอน แต่บริษัทยืนยันว่ารายได้จะเติบโตจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ และในการประชุมสามัญครั้งต่อไป บริษัทจะเสนอเพิ่มเงินปันผล 15 ยูโรต่อหุ้น จากเดิม 13 ยูโรในปี 2565