3 ยักษ์สตรีมมิ่งแห่ตามรอย เน็ตฟลิกซ์ งัดกลยุทธ์สกัด 'แชร์รหัสเถื่อน'

3 ยักษ์สตรีมมิ่งแห่ตามรอย เน็ตฟลิกซ์ งัดกลยุทธ์สกัด 'แชร์รหัสเถื่อน'

หลังจากที่ปล่อยให้เน็ตฟลิกซ์ ขึ้นเป็นผู้ชนะในสงครามสตรีมมิงนองเลือด ล่าสุด 3 แพลตฟอร์มใหญ่ 'ดิสนีย์พลัส-ฮูลู-อีเอสพีเอ็นพลัส' แห่ตามรอยใช้กลยุทธ์ 'ห้ามแชร์รหัส' แล้ว หวังกระตุ้นยอดสมัครสมาชิกเพิ่ม

"ฮูลู" (HUlu) คือแพลตฟอร์มสตรีมมิงรายล่าสุดที่เตรียมใช้มาตรการ "ห้ามแชรรหัส" ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เน็ตฟลิกซ์นำร่องและประสบความสำเร็จมาก่อนหน้านี้ โดยฮูลูได้แจ้งข่าวสมาชิกผ่านทางอีเมลเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ว่า จะเริ่มใช้มาตรการจำกัดการแชร์รหัสนอกบ้านอย่างเข้มข้นขึ้น ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. เป็นต้นไป 

"ท่านตกลงที่จะไม่แอบอ้างหรือบิดเบือนความจริงที่เกี่ยวข้องของคุณกับบุคคลหรือนิติบุคคลใดๆ รวมถึงการใช้ยูสเซอร์เนม รหัสผ่าน หรือข้อมูลบัญชีอื่นๆ ของบุคคลอื่น หรือชื่อหรือความคล้ายคลึงของบุคคลอื่น หรือให้ข้อมูลเท็จแก่พ่อแม่หรือผู้ปกครอง" เงื่อนไขข้อตกลงของฮูลู ระบุ

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของฮูลูมีขึ้นหลังจากที่แพลตฟอร์ม "ดิสนีย์พลัส" (Disney+) และอีเอสพีเอ็นพลัส (ESPN+)ได้ส่งสัญญาณเตรียมใช้มาตรการห้ามแชร์รหัสไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อตามรอยกลยุทธ์การเพิ่มยอดสมาชิกเหมือนเน็ตฟลิกซ์ 

บ็อบ ไอเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของดิสนีย์ได้กล่าวเมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้วระหว่างการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ว่า บริษัทมีแผนจะแก้ปัญหาเรื่องการแชร์รหัสอย่างจริงจังในปี 2567 นี้ ขณะที่สื่อคาดการณ์ว่าซีอีโอของดิสนีย์จะประกาศแผนเรื่องนี้ระหว่างการแถลงผลประกอบการในวันที่ 7 ก.พ. 

3 ยักษ์สตรีมมิ่งแห่ตามรอย เน็ตฟลิกซ์ งัดกลยุทธ์สกัด \'แชร์รหัสเถื่อน\'

ซีเอ็นเอ็นมันนีระบุว่า แพลตฟอร์มสตรีมมิงทั้งสามรายนี้ได้อัพเดตเงื่อนไขข้อตกลงการใช้งานล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าดิสนีย์พลัสและอีเอสพีเอ็นพลัสได้ระบุข้อห้ามการแชร์รหัสในเงื่อนไขสัญญาด้วยหรือไม่ 

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของแพลตฟอร์มทั้งสามมีขึ้นหลังจากที่เน็ตฟลิกซ์ รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ผ่านมา มีจำนวนยอดสมัครสมาชิกสูงสุดทุบสถิติใหม่ที่ 13.1 ล้านคน ส่งผลให้ยอดสมาชิกรวมพุ่งขึ้นแตะ 260.8 ล้านคน ทำให้บริษัทคาดการณ์รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 8.8 พันล้านดอลลาร์ บนกำไรต่อหุ้นที่ 2.11 ดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นถึง 10% และสื่อพากันเรียกเน็ตฟลิกซ์ว่าเป็นผู้ชนะในสงครามสตรีมมิง