รู้หรือไม่ 'ประเทศหมู่เกาะแคริบเบียน' มีรายได้กว่า 50% จาก 'การขายสัญชาติ'

รู้หรือไม่ 'ประเทศหมู่เกาะแคริบเบียน' มีรายได้กว่า 50% จาก 'การขายสัญชาติ'

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ จ่ายขั้นต่ำ 3.5 ล้านบาท ช่วยให้ได้สัญชาติของประเทศแถบหมู่เกาะแคริบเบียน ซึ่งสามารถไปยุโรปโดยไม่ต้องใช้วีซ่า แถมประเทศเหล่านี้อย่างโดมินิกา "มีรายได้กว่าครึ่งหนึ่ง" มาจากการขายสัญชาติ

Key Points

  • ในประเทศแถบหมู่เกาะแคริบเบียน ซึ่งอยู่แถวทวีปอเมริกา มีการเสนอขายสัญชาติในราคาตั้งแต่ 3.5 - 9 ล้านบาท
  • การทำเรื่องขอสัญชาติ สามารถสมัคร “โครงการขอสัญชาติผ่านการลงทุน” (Citizenship by Investment Programs) หรือเรียกอีกอย่างว่า “โครงการหนังสือเดินทางทองคำ”
  • EU หันมาเข้มงวดกับนักท่องเที่ยวที่มีสัญชาติจากหมู่เกาะเหล่านี้ เนื่องจากได้รับรายงานว่า อาชญากรได้ใช้ “สัญชาติใหม่” เพื่อหลบหนีความผิด และโยกย้ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์


แต่เดิม การจะได้สัญชาติใหม่ ต้องอาศัยในประเทศนั้นเป็นเวลาหลายปี และผ่านการคัดกรองหลายขั้นตอนอย่างเข้มงวด ซึ่งก็ไม่รับประกันว่าจะได้สัญชาติหรือไม่ แต่รู้หรือไม่ว่า “ในประเทศแถบหมู่เกาะแคริบเบียน” ซึ่งอยู่ในแถบทวีปอเมริกา มีการเสนอขายสัญชาติในราคาตั้งแต่ 3.5-9 ล้านบาท

ที่น่าประหลาดใจคือ บางประเทศหมู่เกาะอย่างเซนต์คิตส์ & เนวิส และโดมินิกา รายได้จากการขายสัญชาติคิดเป็นกว่า 50% ของรายได้ประเทศทั้งหมด ซึ่งนับว่าสูงมาก การได้สัญชาติของประเทศหมู่เกาะเหล่านี้มีข้อดีอย่างไร ถึงสามารถดึงดูดชาวต่างชาติได้มากมายเช่นนี้

รู้หรือไม่ \'ประเทศหมู่เกาะแคริบเบียน\' มีรายได้กว่า 50% จาก \'การขายสัญชาติ\' - ความสวยงามของประเทศโดมินิกา แถบหมู่เกาะแคริบเบียน (เครดิต: Shutterstock) -

รู้หรือไม่ \'ประเทศหมู่เกาะแคริบเบียน\' มีรายได้กว่า 50% จาก \'การขายสัญชาติ\' - ประเทศแถบหมู่เกาะแคริบเบียน (เครดิต: Shutterstock) -

เมื่อมองมาที่หมู่เกาะแคริบเบียน ประเทศที่ขาย “สิทธิความเป็นพลเมือง” (Citizenship) หรือเหมือนการขายสัญชาติ มีทั้งหมด 5 ประเทศ ได้แก่

1. เซนต์ลูเซีย (Saint Lucia) จำนวนเงินลงทุนเพื่อให้ได้สัญชาติ 100,000 ดอลลาร์ หรือราว 3.5 ล้านบาท

2. แอนติกา และบาร์บูดา (Antigua and Barbuda) จำนวนเงินลงทุนเพื่อให้ได้สัญชาติ 100,000 ดอลลาร์ หรือราว 3.5 ล้านบาท

3. เกรนาดา (Grenada) จำนวนเงินลงทุนเพื่อให้ได้สัญชาติ 150,000 ดอลลาร์ หรือราว 5.3 ล้านบาท

4. โดมินิกา (Dominica) จำนวนเงินลงทุนเพื่อให้ได้สัญชาติ 250,000 ดอลลาร์ หรือเกือบ 9 ล้านบาท

5. เซนต์คิตส์และเนวิส (Saint Kitts and Nevis) จำนวนเงินลงทุนเพื่อให้ได้สัญชาติ 250,000 ดอลลาร์ หรือเกือบ 9 ล้านบาท

รู้หรือไม่ \'ประเทศหมู่เกาะแคริบเบียน\' มีรายได้กว่า 50% จาก \'การขายสัญชาติ\'

- หนังสือเดินทางของประเทศเซนต์ลูเซีย (เครดิต: immigrantinvest) -

การทำเรื่องขอสัญชาติ สามารถสมัคร “โครงการขอสัญชาติผ่านการลงทุน” (Citizenship by Investment Programs) หรือเรียกอีกอย่างว่า “โครงการหนังสือเดินทางทองคำ” (Golden Passport Program) โดยผู้ยื่นสมัครสามารถให้เป็นเงินลงทุนหรือเงินบริจาคตามเงื่อนไขของ 5 ประเทศเหล่านี้ ก็จะได้รับสัญชาติใหม่ได้ไม่ยาก

  • ข้อดีของสัญชาติหมู่เกาะแคริบเบียน

คำถามต่อมาคือ ทำไมชาวต่างชาติถึงสนใจสมัครขอสัญชาติเหล่านี้ คำตอบก็คือ ประเทศในแถบแคริบเบียนมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศในสหภาพยุโรป ใครได้สัญชาติแถบนี้ก็สามารถไปยุโรปได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า (Visa Free) ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกอย่างยิ่ง อีกทั้งประเทศหมู่เกาะมีธรรมชาติที่งดงาม น้ำใส และหาดทรายชวนพักผ่อน คล้ายสถานที่สงบต่อการปลีกวิเวกจากประเทศเดิมอันวุ่นวาย

ข้อมูลจากสำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า ในสหรัฐ ความต้องการสัญชาติใหม่พุ่งสูงขึ้นในช่วงการระบาดโควิด-19 และในช่วงที่สหรัฐจัดการเลือกตั้งระดับประเทศขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนกำลังเคร่งเครียด

เคธี อนานีนา (Katie Ananina) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Plan B passport บริษัทด้านการจัดการหนังสือเดินทางเล่มที่สอง กล่าวว่า ในช่วงที่ชาวอเมริกันอยู่ในช่วงเคร่งเครียด ไม่ว่าจากผลการเลือกตั้ง ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือพวกเขาต้องการแสวงหาพื้นที่สงบ มีส่วนทำให้ยอดสมัครขอสัญชาติใหม่ถีบตัวขึ้น โดยในประเทศแอนติกา และบาร์บูดา ยอดสมัครโครงการขอสัญชาติใหม่พุ่งขึ้น 3 เท่า นับตั้งแต่ปี 2562

อย่างไรก็ตาม ความง่ายในการขอสัญชาติ เพียงแค่มีเงินจ่าย กลับทำให้ “กลุ่มทุนสีเทา” ใช้เป็นช่องทางเปลี่ยนสัญชาติเพื่อหลบหนีอาชญากรรม เพราะกฎหมายในประเทศเหล่านี้มีความเข้มงวดน้อยกว่า อีกทั้งเป็นทางผ่านไปสู่ยุโรปต่อไปด้วย

ขณะเดียวกัน ประเทศในกลุ่มแคริบเบียนก็ได้ประโยชน์จากเงินลงทุน สามารถนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าการสร้างสนามบินใหม่ ขุดลอกแม่น้ำ รวมถึงช่วยสนับสนุนโครงการสวัสดิการต่างๆ ซึ่งในโดมินิกา รายได้จากการขายสัญชาติ มีสัดส่วนมากถึง 55% ของรายได้รัฐบาล

เทอแรนซ์ ดรูว์ (Terrance Drew) นายกรัฐมนตรีของเซนต์คิตส์ และเนวิส กล่าวว่า “ความรุ่งเรืองของประเทศเรา มาจากความแข็งแกร่งของโครงการขอสัญชาติผ่านการลงทุน”

สำหรับประเทศที่ขอสัญชาติใหม่มากที่สุด มีตั้งแต่จีน รัสเซีย ไนจีเรีย ฯลฯ ตามรายงานจากสหภาพยุโรป (EU) เมื่อเดือนต.ค.2566

  • EU หันมาเข้มงวดกับ Golden Passport

ช่วงหลังมานี้ EU หันมาเข้มงวดกับนักท่องเที่ยวที่มีสัญชาติจากหมู่เกาะเหล่านี้ เนื่องจากได้รับรายงานว่า อาชญากรได้ใช้ “สัญชาติใหม่” เพื่อหลบหนีความผิด และโยกย้ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์

ยกตัวอย่างในวันที่ 19 ก.ค.2566 สหราชอาณาจักรได้ประกาศยกเลิกวีซ่าฟรีจากประเทศโดมินิกา ในหมู่เกาะแคริบเบียน โดยอ้างเหตุผลว่า “กังวลด้านความปลอดภัย”

ความเข้มงวดเช่นนี้ ทำให้ แม็ค โคล้ด เอ็มมานูเอล (Mc Claude Emmanuel) ซีอีโอโครงการขายสัญชาติของประเทศเซนต์ลูเซีย กล่าวว่า จะคัดกรองผู้ขอสัญชาติอย่างเข้มงวด ให้ถึงขั้นระดับกล้องจุลทรรศน์ เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ของประเทศ

นอกจากนี้ บรรดาผู้แทนจาก 5 ประเทศหมู่เกาะแคริบเบียนมีการเข้าพบเจ้าหน้าที่จาก EU  และสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินมาตรการความปลอดภัยของโครงการให้สัญชาติ

แม้ว่าการขายสัญชาติจะเป็นเหมือน “เชื้อเพลิงทางเศรษฐกิจ” ของประเทศแถบแคริบเบียน แต่สำหรับโปรตุเกส กลับยกเลิกโครงการสิทธิพำนักจากการลงทุนเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากมีส่วนทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์แพงขึ้น จนพลเมืองในประเทศหาซื้อเป็นเจ้าของได้ยาก

อ้างอิง: bloombergeconomictimeslse

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์