ถอดบทเรียนเบนิน รีแบรนด์‘มู’ให้ได้เงิน l World Pulse

ถอดบทเรียนเบนิน   รีแบรนด์‘มู’ให้ได้เงิน l World Pulse

เรื่องราวความเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ที่สมัยนี้เรียกกันว่า “สายมู” มีในทุกประเทศ แต่บางคนไม่ค่อยยอมรับมองว่าเป็นเรื่องงมงาย ทั้งๆ ที่สายมูกำลังมาแรงและสามารถดึงดูดการท่องเที่ยวได้

อย่างประเทศ “เบนิน” ในแอฟริกาตะวันตก จัดเทศกาลวูดูเป็นประจำทุกปีผู้ร่วมงานมารวมตัวกันที่ “ประตูแห่งการไม่หวนคืน” ซุ้มประตูริมหาดในเมืองอุยดาห์ ทางตอนใต้ของเบนิน ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเรือบรรทุกทาสที่มุ่งหน้า “สู่โลกใหม่”

ทุกเดือน ม.ค. เป็นเวลา 15 ปีมาแล้วที่แม่หมอซิเมนู ดังนิทเช วัย 48 ปี ต้องมาร่วมงาน

“มันเป็นยิ่งกว่าเทศกาล การมารวมกันที่นี่เป็นการแสวงบุญ ชุบชีวิตความเป็นหนุ่มสาว และได้เชื่อมต่อกับบรรพบุรุษฟังพวกเขาพูดกับเราอีกครั้ง” แม่หมอเล่า

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า วูดูหรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่า โวดูน (Vodoun) เป็นศาสนาที่นับถือเทพเจ้า ธรรมชาติและดวงวิญญาณบรรพบุรุษ มีต้นกำเนิดมาจากอาณาจักรดาโฮมีย์ ปัจจุบันคือประเทศเบนินและโตโก และยังนับถือกันอย่างกว้างขวางในเมืองชายฝั่งอุยดาห์ ควบคู่ไปกับศาสนาคริสต์

แต่งานปีนี้เล่นเอาแม่หมอดังนิทเชต้องตะลึง!!! เพราะรัฐบาลรีแบรนด์งานเสียใหม่ และปรับรูปแบบเพื่อดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น นั่นหมายถึงการช่วยหนุนเศรษฐกิจประเทศนั่นเอง

เริ่มตั้งแต่เปลี่ยนชื่องานเป็น “วันโวดุน” (Vodun Days) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-10 ม.ค. คักโป มะฮอกนอน ประธานคณะกรรมาธิการพิธีกรรมโวดุนของเบนิน เผยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาขยายเวลาจัดงานออกไปอีก

ส่วนประธานาธิบดี “แพทริซ เทลอน” กล่าวว่า นี่คือวิธีการใหม่ในการนำเสนอโวดูน

“เราตั้งใจเปิดให้โลกเห็นกันจะๆ ไปเลยว่าโวดูนคืออะไร ทำกันยังไง ต้องการอธิบายโวดูนด้วยแนวคิดด้านจิตวิญญาณและสังคมวิทยา โวดูนเป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของเรา เพราะการท่องเที่ยวเป็นภาคส่วนสำคัญ” ประธานาธิบดีตอกย้ำว่ารัฐบาลเอาจริงแน่ 

ความสำคัญของงานเห็นได้จาก เมืองอุยดาห์ได้รับการปรับโฉมเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเมืองถูกประดับตกแต่งใหม่ให้สวยงาม

ดักโบ ฮูนอน ผู้นำจิตวิญญาณโวดูน วัย 73 ปี กล่าวเสริม “เราจำเป็นต้องพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า โวดูนไม่มีอะไรเกี่ยวกับภูติผีปีศาจหรือซาตาน โวดูนเป็นเรื่องของความอดทนอดกลั้น แบ่งปัน ความรัก ความเมตตาและสันติภาพ เป็นเรื่องของจิตใจแต่ผสมผสานด้วยศิลปะหลายแขนง ดังที่เราเห็นได้จากบทเพลงและการเต้นรำที่เต็มไปด้วยความศรัทธา”

ด้านอเลน โกโดนู ผู้นำคนหนึ่งของสำนักงานการท่องเที่ยวและมรดก กล่าวว่า การปรับปรุงงาน "สะท้อนถึงพัฒนาการครั้งใหญ่ในการส่งเสริมโวดูนในฐานะตัวเร่งการท่องเที่ยวที่แท้จริง มันเป็นวิธีดึงคนอยากรู้อยากเห็นให้มาค้นพบเนื้อแท้ของโวดูนมากขึ้น” โกโดนูกล่าว

ขณะที่ประธานาธิบดีย้ำว่านอกเหนือจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศแล้ว รัฐบาลต้องการให้การท่องเที่ยวในประเทศส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นเช่นกัน ซึ่งจะเป็นการเปิดเบนินให้คนเบนินได้รู้จัก อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เผยตัวเลขงบประมาณที่รัฐบาลใช้จัดงานวันโวดูน

ฟังเจ้าหน้าที่รัฐแล้วต้องฟังนักท่องเที่ยวบ้าง คริสโตเฟอร์ สเวน ชาวอเมริกัน เผยว่า มางานนี้ทุกปี เพื่อ “เติมพลังและเชื่อมจิตอีกครั้ง” เขาสังเกตว่างานปีนี้ “เปลี่ยนไปมาก” จัตุรัสอุยดาห์สถานที่จัดงานฉลองมีทั้งดนตรีแจ๊ซและเต้นรำ แม้แต่ประธานาธิบดีก็มาร่วมงาน

ทุ่มเทกันขนาดนี้ ประเทศอื่นคงไม่ต้องเหนียมอายถ้าอยากทำเงินจากการท่องเที่ยว จะมูทั้งทีต้องทำกันให้สุดๆ เหมือนเบนิน