‘ดาวอส’ ถกผู้นำโลกคุม 'เอไอ' ยกปัญหาจุดเสี่ยง ไมโครซอฟท์เตือนอย่าตื่นตูม

‘ดาวอส’ ถกผู้นำโลกคุม 'เอไอ' ยกปัญหาจุดเสี่ยง ไมโครซอฟท์เตือนอย่าตื่นตูม

“เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม” ถกอนาคต “เอไอ” ซีอีโอเทคคอมพานี ยกวาระเอไอ “ไมโครซอฟท์” วอนอย่าตื่นตูมคุมเข้มเอไอ ‘กูเกิล’ อาจเลิกจ้างอีกมากในปีนี้เพราะทุ่มลงทุน ‘เอไอ’

Key Points

  • ประเด็นเรื่อง 'เอไอ' เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเวทีประชุมดาวอส 2567 ทั้งบนเวทีเสวนา การประชุมเปิด จนถึงห้องประชุมปิด
  • แต่ดาวอสไม่ใช่การประชุมเทคโนโลยี ประเด็นเอไอในที่ประชุมจึงเต็มไปด้วย "แรงกดดัน" จากผู้กำหนดนโยบาย ที่เรียกร้องการออกกฎควบคุม 
  • 'ไอเอ็มเอฟ' เตือนเอไอแย่งงาน ในขณะที่ 'ยูเอ็น' เตือนเรื่องความเหลื่อมล้ำและความเสี่ยงจากผลลัพธ์ที่ไม่ตั้งใจของการพัฒนาเอไอ
  • เหล่าซีอีโอบริษัทเทคโนโลยีย้ำเอไอไม่ได้เปลี่ยนโลกมากอย่างที่กลัว แต่สนับสนุนการวางกฎกำกับดูแลอย่างเป็นสากล

การประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ “เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม” ประจำปี 2567 ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ เต็มไปด้วยประเด็นของ “เจนเนอเรทีฟ เอไอ” หรือเจนเอไอ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเวทีการประชุมแห่งนี้ ที่มักจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน และการเมืองโลกเป็นหลักมาตลอด 

สำหรับการประชุมปีนี้มีผู้นำจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น ไมโครซอฟท์ กูเกิล และเซลส์ฟอร์ส เข้าร่วมอย่างคับคั่งในเวทีเสวนา และเจนเอไอยังเป็นประเด็นที่ครอบคลุมบรรยากาศทั้งการประชุมเปิด และห้องประชุมปิดในปีนี้

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเวทีดาวอสไม่ใช่การประชุมเทคโนโลยี หัวข้อเกี่ยวกับเอไอในที่ประชุมปีนี้จึงเต็มไปด้วย “แรงกดดัน” จากบรรดาผู้กำหนดนโยบาย ที่ส่งสัญญาณเตือนถึงมุมมองด้านความเสี่ยงของการพัฒนาเจนเอไอ และการเรียกร้องให้มีการวางกฎเกณฑ์ในระดับสากลเพื่อกำกับดูแลให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

'อินเทล' ชี้ปีนี้เอไอต้องมีผลลัพธ์จับต้องได้

นายแพท เกลซิงเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทอินเทล กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า แม้ปี 2566 จะเป็นปีที่ฉายศักยภาพของเทคโนโลยีเจนเอไอ แต่ปี 2567 จะเป็นปีที่โลกจับตาไปยังผลลัพธ์ที่ชัดเจน และจับต้องได้มากขึ้นของเอไอ โดยเฉพาะผู้บริหารอุตสาหกรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องสูง เช่น โรงพยาบาลและภาคการผลิต เพื่อให้มั่นใจได้มากขึ้นในการใช้เทคโนโลยีนี้ โดยปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับเอไอได้รับการแก้ไขไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกมากที่ยังต้องดำเนินต่อไปอยู่

'ยูเอ็น' เตือนโลกต้องเร่งออกกฎคุม

นายอันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวปาฐกถาพิเศษของเวทีดาวอส เรียกร้องให้บรรดาผู้นำเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลกให้ความสำคัญกับการวางยุทธศาสตร์โลกเพื่อรับมือกับภัยความเสี่ยง 2 ด้าน คือ ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และวิกฤตการณ์ด้านสภาพภูมิอากาศ

การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีเอไออาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์โดยไม่ตั้งใจที่ร้ายแรง ทั่วโลกต้องร่วมมือกันในการรับมือกับภัยคุกคามหลายด้านที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ไม่อาจควบคุมได้ ไปจนถึงการพัฒนาเอไอที่ไปไกลโดยไม่มีการวางกฎระเบียบมากำกับดูแล

ทุกๆ ปฏิสัมพันธ์ใหม่ของเจนเอไอจะเพิ่มความเสี่ยงต่อผลที่ตามมาโดยไม่ได้ตั้งใจอย่างร้ายแรง เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพมหาศาลสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มที่จะยิ่งทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในโลกเลวร้ายลง ตามที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่งออกรายงานเตือน นอกจากนี้ยังระบุว่า มีบริษัทเทคโนโลยีบางแห่งที่มุ่งแต่แสวงหากำไรโดยไม่สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน ความเป็นส่วนตัวของบุคคล และผลกระทบทางสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทราบกันดี

‘ดาวอส’ ถกผู้นำโลกคุม \'เอไอ\' ยกปัญหาจุดเสี่ยง ไมโครซอฟท์เตือนอย่าตื่นตูม

บิ๊กเทคฯ วอนอย่าตื่นตูมคุมเข้มเอไอ

นายสัตยา นาเดลลา ซีอีโอบริษัทไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ยังคงมีความเชื่อมั่น และความหวังในเชิงบวกกับอุตสาหกรรมเอไอ แต่ก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่โลกจะต้องมีการร่วมมือกันในระดับสากลเกี่ยวกับเรื่องเอไอ และมีข้อตกลงการวางมาตรฐาน และแนวทางในการกำกับดูแลเทคโนโลยีนี้

นายนาเดลลา กล่าวว่า บทเรียนยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้รับในฐานะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลคือ การยอมรับผลที่ตามมาโดยไม่ได้ตั้งใจจากเทคโนโลยีใหม่ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ควบคู่ไปกับประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีนั้น และเชื่อว่าโลกควรคิดหาวิธีรับมือไปพร้อมกัน มากกว่าจะรอพิสูจน์ถึงผลลัพธ์แล้วค่อยหาวิธีจัดการ

ขณะที่นายแซม อัลท์แมน ซีอีโอของบริษัทโอเพนเอไอ กล่าวนอกรอบกับบลูมเบิร์กว่า เอไอไม่ได้เปลี่ยนโลกมากขนาดนั้น โดยเปลี่ยนแปลงโลกน้อยกว่าที่ทุกคนคิด และไม่ได้เข้ามาแทนที่งานง่ายอย่างที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเป็นกังวลกัน แต่เอไอจะเข้ามาเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างน่าทึ่งมากกว่า

‘กูเกิล’ อาจเลิกจ้างอีกมากในปีนี้เพราะทุ่มลงทุน ‘เอไอ’

ซุนดาร์ พิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทกูเกิล อิงค์ ระบุในบันทึกข้อความภายในองค์กรล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ม.ค.67 ว่า จะมีการเลิกจ้างตามมาอีกมากในปีนี้ เนื่องจากบริษัทจะยังคงปรับทิศทางการลงทุนใหม่ไปยังด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)

ซีเอ็นบีซีรายงานอ้างบันทึกข้อความในหัวข้อ “ลำดับความสำคัญในปี 2024 และปีหน้า” ซึ่งระบุว่ากูเกิลมีเป้าหมายอันทะเยอทะยานหลายอย่าง และจะมีการลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำคัญหลักๆ ในปีนี้ โดยทีมผู้บริหารของกูเกิลกำลังเร่งเดินหน้าเพื่อเตรียมประกาศเป้าหมายเอไอของปี 2567 ในสัปดาห์นี้ และจะมีการเผยแพร่ในวัตถุประสงค์ และผลลัพธ์หลักของบริษัทต่อไป

อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกของกูเกิลยังไม่ออกมาให้ความเห็นต่อรายงานข่าวนี้แต่อย่างใด

‘เจพีมอร์แกน’ เตือนสหรัฐความเสี่ยงรุมเร้า

นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวแสดงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในช่วง 2 ปีข้างหน้า เนื่องจากผลกระทบที่เกิดจากความเสี่ยงทั้งในด้านการเงินและภูมิรัฐศาสตร์ โดยระบุว่า ปัจจัยที่จะมีผลกระทบได้แก่ สถานการณ์ในยูเครน, การก่อการร้ายในอิสราเอล และทะเลแดง และการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเชิงปริมาณ (QT) หรือหมายถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำการปรับลดงบดุล และลดการดำเนินนโยบายเชิงผ่อนคลายที่เคยใช้ ซึ่งรวมถึงโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล

สำหรับมุมมองเรื่องตลาดหุ้นนั้น การที่บริษัทจดทะเบียนประกาศซื้อหุ้นคืนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาได้ช่วยดึงดูดให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง โดยดัชนี S&P500 พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 19% ในปีที่แล้ว และยังคงเคลื่อนตัวไม่ห่างจากระดับสูงสุด

นอกจากนี้ ซีอีโอของเจพีมอร์แกนยังให้ความเห็นเกี่ยวกับ “จีน” นอกรอบการประชุมดาวอส โดยเตือนบรรดานักลงทุนที่กำลังคิดจะเข้าไปจีนเพื่อหาโอกาสจากเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกว่า อาจต้องพิจารณาให้ดี เพราะผลตอบแทนความเสี่ยงในจีนซับซ้อนขึ้น และไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แม้ทางการจีนจะมีความพยายามต่อเนื่องในการเปิดตลาดภาคบริการทางการเงินให้ต่างชาติมากขึ้น และย้ำเรื่องการปฏิบัติกับบริษัทต่างชาติอย่างเป็นธรรมก็ตาม

‘เรย์ ดาลิโอ’ เตือนการเมืองสหรัฐฉุดเศรษฐกิจ

นายเรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้งกองทุนบริดจ์วอเตอร์ แอสโซซิเอทเทส ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีสินทรัพย์ในการจัดการราว 1 แสนล้านดอลลาร์ เตือนว่า ความขัดแย้งทั้งภายใน และภายนอกรวมถึงปัญหาสภาพภูมิอากาศ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและตลาดทุนในปี 2567 นี้ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และได้แนะนำนักลงทุนให้ถือเงินสดดอลลาร์เอาไว้เพื่อรับมือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

นายดาลิโอ กล่าวว่า ไม่ว่านายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต หรือนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันจะเป็นผู้ชนะ ก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดทุนทั้งคู่ เนื่องจากจะยิ่งทำให้เกิดความตึงเครียดทางการเมืองในสหรัฐ จากเดิมที่มีการแบ่งขั้วในหลายประเด็นอยู่แล้ว เช่น ภาษี การค้า และความช่วยเหลือต่างประเทศ และมองว่าตลาดในตอนนี้ยังไม่ได้ให้น้ำหนักความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์มากพอ เช่น ปัญหาระหว่างสหรัฐกับจีน, รัสเซียกับยูเครน และสงครามในกาซา

‘วิกฤติทะเลแดง’ ยังเป็นปัญหาใหญ่เศรษฐกิจโลก

นายวินเซนต์ เคลิร์ก ซีอีโอของเมอส์ก (Maersk) ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือรายใหญ่ของโลกสัญชาติเดนมาร์ก กล่าวระหว่างการร่วมเสวนาของรอยเตอร์ส โกลบอล มาร์เกตส์ ฟอรัม ในเวทีประชุมดาวอสว่า การหยุดชะงักของการขนส่งทั่วโลกอันเป็นผลจากการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง อาจคงอยู่ไปอีกอย่างน้อย 2-3 เดือน อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาการหยุดชะงักอาจยาวนานขึ้นได้ เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่อาจคาดเดาทิศทางความเป็นไปได้

ทั้งนี้ ดัชนีค่าระวางคอนเทนเนอร์ของดรูว์รี ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางทะเล เผยให้เห็นว่า อัตราค่าระวางการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวนับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค. ขณะที่แหล่งข้อมูลด้านการประกันภัยระบุว่า เบี้ยประกันความเสี่ยงจากสงครามสำหรับการขนส่งผ่านทางทะเลแดงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์