ส่อง 9 ธุรกิจใหญ่ในเอเชีย ปรับตัวรับมือโลกป่วนปี 67

ส่อง 9 ธุรกิจใหญ่ในเอเชีย ปรับตัวรับมือโลกป่วนปี 67

9 ธุรกิจใหญ่ในเอเชีย ปรับตัวรับมือโลกป่วนปี 67 แม้ตลาดชิป SiC ยังเล็กเมื่อเทียบกับตลาด CPU และ GPU แต่ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ SiC หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเอสไอซีซีมีศักยภาพเปลี่ยนโฉมอนาคตของเซมิคอนดักเตอร์โลก

สำนักข่าวนิกเคอิเผย ธุรกิจเอเชียอาจเผชิญกับความท้าทายใหม่ ทั้งด้านเทคโนโลยี, กฎระเบียบ, สิ่งแวดล้อมและภูมิรัฐศาสตร์ในปี 2567 นี้ รวมถึงผลกระทบจากการเลือกตั้งผู้นำที่สำคัญในภูมิภาคและการเลือกตั้งในสหรัฐ ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์การค้าและความมั่นคงรายใหญ่ของเอเชีย

จากความท้าทายดังกล่าว นิกเคอิได้รวบรวมรายชื่อบริษัทในเอเชียทั้ง 9 แห่ง ที่เราอาจได้ยินข่าวมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีบริษัทไทยร่วมด้วย ได้แก่

1.‘ปตท.’ กระจายความเสี่ยงธุรกิจน้ำมัน

กลุ่มบริษัทน้ำมันและก๊าซปตท. ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ กำลังปรับตัวต่อการผลักดันใช้รถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทยจึงกระจายความเสี่ยงด้วยการเพิ่มสถานีชาร์จรถอีวี และมีบริการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับลูกค้าในปั๊มน้ำมันและสถานีชาร์จ อาทิ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อ

ล่าสุด เดือน ธ.ค. 2566 ปตท.ประกาศแผนลงทุน 5 ปี มูลค่า 100,200 ล้านบาท โดย 36,300 ล้านบาท จะลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเพื่อการผลิตไฟฟ้า ส่วนงบ 32,800 ล้านบาทใช้ลงทุนกระจายความเสี่ยงอื่น ๆ

2.‘ติ๊กต็อก’ เดิมพันอีคอมเมิร์ซอินโดฯ

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซติ๊กต็อก พยายามฟื้นบทบาทของตนเอง โดยการประกาศเข้าถือหุ้นโทโกพิเดีย75% เมื่อเดือน ธ.ค. 2566 ซึ่งเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซของโกทู

ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังรัฐบาลอินโดนีเซียแบนการชอปปิงผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อเดือน ก.ย. ปีก่อน

ความพยายามครั้งใหม่ของติ๊กต็อกในอินโดนีเซีย อาจกลายเป็นบททดสอบใหม่ ขณะที่ธุรกิจพยายามขยายส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาค

3.SICC ตัวพลิกโฉมเซมิคอนดักเตอร์

จีนกำลังเดิมพันกับชิปเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะซิลิคอน คาร์ไบด์ (SiC) ซึ่งเป็นวัสดุที่ทนต่อแรงดันไฟฟ้าและความร้อนสูง และใช้เป็นชิปเซมิคอนดักเตอร์ในการชาร์จรถอีวีและอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ

ความต้องการชิ้นส่วนประกอบรถอีวี ทำให้อุตสาหกรรมชิปนี้เติบโต และเอสไอซีซีก็เป็นผู้เล่นสำคัญ

แม้ตลาดชิป SiC มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ยังเล็กเมื่อเทียบกับตลาด CPU และ GPU แต่ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ SiC หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเอสไอซีซีมีศักยภาพเปลี่ยนโฉมอนาคตของเซมิคอนดักเตอร์กำลัง (power semiconductor) ได้

4.ฮันฮวา แอโรสเปซ ขุมอาวุธกลาโหม

ฮันฮวา แอโรสเปซ บริษัทผลิตอาวุธของเกาหลีใต้ ขยายธุรกิจอาวุธอย่างหนักในยุโรป ตะวันออกกลาง ออสเตรเลียและภูมิภาคอื่น ๆ เพราะความเสี่ยงด้านสงครามและภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น

มูลค่าตลาดฮันฮวาพุ่ง 69% ในปี 2566 จากการทำข้อตกลงพันล้านดอลลาร์กับโปแลนด์ ออสเตรเลีย และประเทศอื่น ๆ เพื่อส่งออกปืนใหญ่ K9 และรถรบทหารราบ Redback

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของฮันฮวาไม่ได้มีแค่ภาคกลาโหม แต่ยังมีธุรกิจปล่อยยานอวกาศและดาวเทียมสำรวจโลก โดยร่วมมือกับรัฐบาลเกาหลีใต้ในโครงการอวกาศอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ เกาหลีใต้พัฒนาอุตสาหกรรมอาวุธระดับโลกมาตลอดหลายสิบปี และฮันฮวาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้

5.แฮชคีย์ กรุ๊ป น้องใหม่ขายคริปโทฯ

HashKey Exchange กลายเป็นหนึ่งในสองบริษัทที่ได้ใบอนุญาตซื้อขายคริปโทรายแรกในฮ่องกง สำหรับนักลงทุนรายย่อย เมื่อเดือนส.ค. 2566

บริษัทมีผู้ลงทะเบียนใช้งานมากกว่า 150,000 ราย และมีผลตอบแทนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากราคาบิตคอยน์พุ่งแต่แฮชคีย์ยังเผชิญกับอุปสรรคมากมาย เพราะเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการซื้อขายคริปโทที่บั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุน

6.Rapidus มุ่งสู่ผู้เล่นหลักในอุตฯชิป

Rapidus บริษัทเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติญี่ปุ่น ตั้งเป้าเริ่มทดสอบการผลิตชิป 2 นาโนเมตรเดือน เม.ย. 2568 และจะผลิตชิปดังกล่าวจำนวนมากภายในปี 2570 โดยได้รับการสนับสนุนจากพาร์ตเนอร์อย่างไอบีเอ็ม

ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนด้วยงบ 2,300 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วย Rapidus รักษาโรงงานชิปในประเทศไว้ และมีแผนสนับสนุนเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง

Rapidus คาดว่าความต้องการชิปที่มีความสามารถเฉพาะเพิ่มขึ้นมากกว่าชิปทั่วไป เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้ำสมัยมากขึ้น หนุนให้เกิดความต้องการผลิตชิปล้ำสมัยเฉพาะเพิ่มขึ้น

บริษัทเชื่อมั่นว่าสามารถเป็นผู้เล่นอันดับต้น ๆ ในเทคโนโลยีผลิตชิปล้ำสมัยได้อย่างก้าวกระโดด

7.SPNEC ตั้งฟาร์มโซลาร์เซลล์ยักษ์

SP New Energy Corp. ผู้พัฒนาพลังงานหมุนเวียนสัญชาติฟิลิปปินส์ วางแผนสร้างหนึ่งในโครงการโซลาร์เซลล์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนเกาะลูซอนของประเทศ

SPNEC เป็นบริษัทในเครือของ Meralco บริษัทผลิตพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจของ Metro Pacific Investmentsยักษ์ใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ First Pacific ที่บริการโดยซาลิม กรุ๊ปของอินโดฯ

ด้วยการสนับสนุนเงินทุนจากบริษัทเหล่านี้ จึงผลักดันให้ SPNEC มีความทะเยอทะยานทำโครงการดังกล่าว โดยเงินลงทุน 16,000 ล้านเปโซ จะทุ่มไปกับโครงการโซลาร์ขนาดใหญ่ที่ 3.5 กิกะวัตต์

8.YTL ร่วมอินวิเดียตั้งศูนย์ข้อมูลเอไอ

หลังกลุ่มบริษัทมาเลเซีย YTL เข้าสู่ธุรกิจก่อสร้าง บริษัทก็เริ่มผันตัวไปเป็นธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานโรงงานไฟฟ้ามานานกว่า 70 ปี

กำไรหลังหักภาษี พุ่งมากกว่า 7 เท่า สู่ระดับ 940,200 ล้านริงกิตในไตรมาสแรกที่สิ้นสุดเดือนก.ย. 2566 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 123,600 ล้านริงกิต

นอกจากนี้ บริษัทในเครือYTL ยังเซ็นสัญญากับอินวิเดียเมื่อเดือนก่อน ลงทุน 4,300 ดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์แห่งแรกในมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการในกลางปีนี้ และการลงทุนสถานีพลังงานโซลาร์ของ YTL ในสิงคโปร์ อาจผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 5 เท่า สู่ระดับ 5 กิกะวัตต์

9.Van Thinh Phat

Van Thinh Phat บริษัททพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เวียดนามถูกตำรวจกล่าวหาว่ายักยอกเงิน 12,500 ล้านดอลลาร์ บ่งบอกถึงการปราบปรามการทุจริตของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามอย่างแข็งขัน

คำถามคือ อาชญากรรมข้างต้นอยู่มานานมากกว่า 10 ปีได้อย่างไร และเจ้าหน้าที่จะคลี่คลายเบื้องหลังวิศวกรรมการเงินที่ซับซ้อนของบริษัทอย่างไร

บรรดาธุรกิจต่างจับตามองว่า รัฐบาลมีอำนาจแข่งแกร่งเพียงใด ในช่วงที่เวียดนามพยายามแสดงความจริงจังเกี่ยวกับการปราบปรามสินบน ที่สร้างความกังวลต่อนักลงทุนเกี่ยวกับการชะลอตัวในภาคอสังหาฯและธุรกิจการเงินรวมถึงกระบวนการของระบบราชการที่ชักช้า